ชี้ช่องรัฐบาลไทยเร่งขจัด“จีนเทา-จีนดำ”

10 ม.ค. 2568 | 06:25 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ม.ค. 2568 | 06:45 น.

ชี้ช่องรัฐบาลไทยเร่งขจัด“จีนเทา-จีนดำ” : คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย.....กาแฟขม หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4061

*** ผ่านเทศกาลปีใหม่ 2568 เฉลิมฉลองเข้าสู่ปีมะเส็ง งูเล็กล่วงเข้ามา 14-15 วันเข้าไปแล้ว ข้อมูลข่าวสารรื่นไหล ประเดประดัง สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ได้มีโอกาสพบปะสนทนากับนักธุรกิจ กูรูหลายท่านให้มุมมองที่หลากหลายในความเคลื่อนไหว ทยอยเล่าให้ฟัง

*** แน่นอนการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ผูกพันเกี่ยวเนื่องแยกไม่ออกและมีผลผกผันต่อกัน เศรษฐกิจดี ปากท้องดี สังคมดีตาม ครอบครัวอบอุ่น ลูกไม่ติดยา ทว่าเศรษฐกิจแย่ พ่อ-แม่ดิ้นรนหาเงิน ไม่มีเวลา ไม่มีเงินทองเลี้ยงลูก ก็เข้าสู่สังคมไม่ดี ลูกหันหายาเสพติด แน่นอนนั่นย่อมมาจากการเมือง ไม่ดี มุ่งแสวงหาอำนาจ แสวงหาเงินตราจากการได้อำนาจ แบ่งปันผลประโยชน์ การคอร์รัปชัน เส้นสาย ก็เข้าไปผูกอยู่ในวังวนนี้หมุนวนเป็นลูปแห่งความชั่วร้าย

*** ปีนี้ครบรอบ 50 ปี สัมพันธ์ไทย-จีน ถือว่าใกล้ชิดเป็นมิตรกันมาอย่างยาวนาน พักหลังจีนกลายเป็นนักลงทุน นักท่องเที่ยวรายใหญ่ของไทย แต่การเข้ามาของจีนทั้งถูกต้องดีงาม และเทา กระทั่งดำ ก็เริ่มมีมากขึ้น เคยว่าผ่านตรงนี้ก็หลายรอบ เข้ามาลงทุนโดยผิดกฎหมายใช้นอมินีก็เยอะ มหาวิทยาลัยต่างๆ ของไทยถูกจีนซื้อไปหลายแห่ง ทั้งถูกต้องและดำเนินงานผ่านมูลนิธิที่คนจีนเข้าไปกรรมการมูลนิธิและบริหารมหาวิทยาลัย แต่หลายแห่งขนคนจีนมาเรียนบังหน้า นักศึกษาเหล่านั้นแฝงตัวทำการค้าในไทย เป็นแรงงานให้ธุรกิจจีนในไทย แน่นอนทำธุรกรรมต่างๆผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ชำระเงินค่าจ้าง โดยที่ทุกอย่างไม่กระเด็นตกในไทยเลย อันนี้เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยดีนักของจีนในไทย

*** ทางการไทย รัฐบาลไทยต้องคุยกับจีนอย่างใกล้ชิด แก้ปัญหาร่วมกัน ให้เป็นมิตรต่อกัน ในแบบไม่กีดกันและไม่ปฏิเสธกัน ควรหรือไม่ที่ต้องขีดวง หรือตั้งโซนให้ธุรกิจจีนเสียที แล้วบริหารจัดการกันอยู่ในโซนนั้น หรือกระทั่งพวกที่เข้ามาไม่ถูกต้อง หากทางการไทยเสนอจีนไป หรือแบล็กลิสต์ ติดใบแดง ทางการจีนจะจัดการให้ทันที สิ่งเหล่านี้ต้องหาโอกาสพูดคุยกันได้กระทัง เพื่อให้ความเป็นมิตรภาพต่อกันราบรื่น ไม่กระทบกันในภาพใหญ่ของความสัมพันธ์พี่น้องจีน-ไทย

*** แยกการทำงานออกเป็นเรื่องๆ คลี่โจทย์ คลายปมกันทีละเรื่องๆ ไป หากเป็นเรื่องสินค้าก็บาลานซ์ดูระหว่างผู้บริโภคคนไทยที่ต้องได้สินค้าคุณภาพ ราคาไม่แพงกับสินค้าบางอย่างที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่เสียภาษี ต้นทุนตํ่า ดั๊มตลาดกระจุย ตีตลาดไทย ผู้ผลิตไทยกระจายล้มหายตายจากก็เยอะ ล้มหมอน นอนเสื่อก็แยะ ก็ต้องเร่งหาทางแก้ไข หรือธุรกิจบริหาร ร้านอาหาร ผับ เธค การศึกษา ให้ทำได้อย่างไร แค่ไหน ต้องบริหารจัดการร่วมกัน ลุกขึ้นมาคุยกันได้แล้ว ก่อนที่จะไปไกลและบานปลายจนกู่ไม่กลับ หาทางแก้ไม่ได้ เมื่อนั้นจะไร้ซึ่งความเป็นมิตร อันตรายก็จะเกิดตามมาหลายประการ

               ชี้ช่องรัฐบาลไทยเร่งขจัด“จีนเทา-จีนดำ”

*** ว่าด้วยเรื่องสินค้าที่นำเข้า ประเทศอื่นเขามีเทคนิคในการชะลอทั้งนั้น แต่ไทยเปิดโล่งโจ้ง เข้าเมื่อไหร่ก็มื่อนั้น อย่างสินค้าที่อ่อนไหวกระทบกับผู้ผลิตสินค้าเกษตรภายใน ไปหัดเรียนรู้จากอินโดนีเซียบ้าง เขาทำอย่างไร เขาเปิดประตูเข้ามาได้ แต่บอกว่าให้ไปเข้าท่าเรืออื่นนอกกรุงจาการ์ตา ถ้าเป็นสินค้าที่มีอายุจำกัด เน่าเสียง่าย ปรากฏกว่าจะเข้าได้ สายไปเสียแล้ว ขายไม่ออก ขายไม่ได้ หรือ กระทั่งเอกสารกำกับต้องพิมพ์เป็นภาษาถิ่น กว่าจะแปลภาษาถิ่นกันเสร็จ ก็สายไปเสียแล้ว แต่อินโดฯ ไม่ได้กีดกันการค้าที่จะถูกฟ้องร้องเอาได้นะ เขาเรียกเทคนิคคอลแบริเออร์ ซึ่งหลายประเทศเขาก็ทำกัน ถ้าเห็นดั๊มตลาดกันมากจน เสียหาย แต่ขออภัยที่ทางการไทย ทำไม่เป็น หรือไม่กล้าทำ

*** จุดศูนย์รวมอาชญากรรม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กระทำโดยจีนเทา จีนดำ หรือกระทั่งแก๊งต่างชาติอื่น ก็ต้องหาทางแก้ไข ทราบกันหรือไม่ ในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา ประชาชนคนไทยสูญเสียเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปแล้วเป็นหลักหมื่นล้าน ใกล้แตะแสนล้านบาทเข้าไปแล้ว และไม่มีทีท่าจะหยุดหรือสกัดกั้นได้ พวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนจีนนอกแถว เป็นอาชญากรไซเบอร์เข้าไปตั้งเซิฟเวอร์ในชายแดนกัมพูชา ในชายแดนเมียนมา โทรศัพท์หลอกลวงคนไทย สิ้นเนื้อประดาตัวไปหลายราย คนชรางัดเงินเกษียณให้พวกนี้จนหลายคนเป็นโรคซึมเศร้า บ้างไปถึงขั้นคิดสั้นลาโลก มันรุนแรงจริงๆ นะ ฯพณฯทั่น หาทางช่วยทีเถิด

หน้า 4 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 4,061 วันที่ 12 - 15 มกราคม พ.ศ. 2568