“รักษ์เกชา” เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เผย ผลสอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ S-26T ระหว่างกองทัพเรือ-จีน ยัน ไม่ขัด รธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 กรกฎาคม) นายรักษ์เกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงผลการตรวจสอบโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ S-26T ระหว่างกองทัพเรือกับสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยาว่า จากการตรวจสอบไม่พบเหตุผิดปกติ หรือมีการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ จึงมีมติให้ยุติเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ การจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นการก่อหนี้ผูกพันวงเงิน 13,500 ล้านบาท โดยได้ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 ใช้บังคับเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 แล้ว โดยเสนอ ครม.พิจารณาตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2559 จึงเป็นการดำเนินการตามมาตรา 23 วรรค 3 ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว จึงถือว่า ชอบด้วยวิธีการงบประมาณ ส่วนมติครม.เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2560 นั้น เป็นการรับทราบและเห็นชอบตามความเห็นของสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการเท่านั้น
นอกจากนี้ยังพบว่า กองทัพเรือได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ(กจด) เพื่อศึกษาทั้งในระดับยุทธศาสตร์ ยุทธการ และยุทธวิธี เพื่อปกป้องรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตั้งแต่ภาวะปกติจนถึงภาวะขัดแย้ง โดยที่โครงการจัดหาเรือดำน้ำได้มีการริเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2537 และได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับสถานภาพของงบประมาณที่คาดว่า จะได้รับมาเป็นลำดับ และสอดคล้องกับนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า เรือดำน้ำเป็นยุทโธปกรณ์ที่เปี่ยมประสิทธิภาพตามแนวความคิดการรักษาความมั่นคงทางทะเล รวมทั้งมีขีดความสามารถสูง และสามารถปฏิบัติภารกิจได้หลากหลายทั้งในภาวะปกติและภาวะขัดแย้ง จึงเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับกองทัพเรือในการปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
อีกทั้งการดำเนินการจัดซื้อได้ดำเนินการภายใต้กรอบแผนยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือตามที่ได้กำหนดไว้แล้ว จึงไม่เป็นการสร้างภาระแก่ประเทศชาติ หรือประชาชนโดยไม่จำเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ ดังนั้น การดำเนินการตามโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกระทรวงกลาโหม โดยกองทัพเรือ และคณะรัฐมนตรี จึงไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด