ตลาดครีมซองหรือ ซาเช่ (Sache) ที่เดิมถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นสินค้าตัวอย่าง (Sample) หรือจำหน่ายในขนาดเล็ก ราคาถูกเพื่อซื้อไปทดลองใช้ หากถูกใจก็กลับมาซื้อในแพ็กเกจจิ้งใหญ่ แต่วันนี้ตลาดครีมซอง กำลังเติบโตบานสะพรั่งในร้านค้าปลีกสมัยใหม่ หรือโมเดิร์นเทรด โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ ไม่ว่าจะเป็นเซเว่น อีเลฟเว่น, แฟมิลี่มาร์ท, ลอว์สัน 108 ฯลฯ ขณะที่ร้านดรัก สโตร์ บิวตี้สโตร์ ไม่ว่าจะเป็นบู๊ทส์ วัตสัน และอื่นๆ ต่างเคลียร์พื้นที่เปิดรับบรรดาครีมซอง ทั้งแบรนด์ไทย และอินเตอร์แบรนด์ ส่งสัญญาณว่าเวทีนี้ระอุแน่นอน
เพราะวันนี้แบรนด์ชั้นนำในตลาดไม่ว่าจะเป็นลอรีอัล การ์นิเย่ พอนด์ โอเล่ย์ สเนลไวท์ ที่ครองยอดขายอันดับต้นๆ ล้วนส่งขนาดเล็กออกตีตลาด และทำยอดขายได้ดีไม่ว่าจะเป็นช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นหรือขาลง เมื่อส่งสัญญาณดีแบรนด์สินค้าอื่นๆ ทั้งกลุ่มความงามและไม่ใช่ความงาม แต่ก็นำเสนอสินค้าในรูปแบบซองเช่นกัน เพื่อสร้างโอกาสในการขาย วันนี้จึงเห็นลิปสติกจากที่เคยเป็นแท่ง ถูกใส่ไว้ในซอง รวมถึงครีมมาสก์หน้า และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งแบบเม็ด แบบผง แบบเจล ล้วนถูกนำมาบรรจุซอง เพื่อวางขายบนเชลฟ์ จากเดิมที่มีเพียง 20-30 แบรนด์ วันนี้มีมากกว่า 100 แบรนด์ให้ได้เลือกซื้อ
นายธนา ลิมปยารยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและบำรุงผิว “อมาโด้” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ผนวกกับวิถีการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ ชอบความสะดวก รวดเร็ว ส่งผลไปถึงการเลือกซื้อสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภค รวมไปถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม ที่มีขนาดเล็ก ที่พกพาง่าย หรือรับประทานหมดในครั้งเดียว ซึ่งสินค้าขนาดใหญ่อาจจะไม่ตอบโจกย์กับผู้บริโภคอีกต่อไป
สินค้าไซซ์เล็ก ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการขยายตลาดกลุ่มบริโภคใหม่ ๆ ที่อาจไม่เคยได้ทดลองซื้อสินค้าของอมาโด้ ได้ทดลองซื้อสินค้านำไปสู่ความมั่นใจในคุณภาพจนกลายเป็นลูกค้าประจำ และยังสามารถขยายตลาดเข้าไปในลูกค้าที่ไม่อยากใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อสินค้าไซซ์ใหญ่ในครั้งเดียว ให้สามารถซื้อบริโภคสินค้าเพื่อรับประทานได้ทุกๆ วัน ได้ตามความต้องการ
“บริษัทเริ่มทดลองนำคอลลิจิ คอลลาเจน ซาเช่ แบบซอง ไปวางจำหน่ายหลังจากที่ได้รับการติดต่อจากเซเว่น อีเลฟเว่น โดยเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา เบื้องต้นจะวางจำหน่ายกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว”
โดยในปีนี้บริษัทมีแผนจะนำสินค้าประเภทวิตามิน และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอีก 2 รายการในกลุ่มของสุขภาพและความงาม เพื่อตอบโจทย์กับผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่ใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น ในกลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน และผู้สูงอายุ เข้าไปวางจำหน่ายด้วย
อย่างไรก็ดี มองว่าตลาดซาเช่ เป็นอีกช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้หลากหลาย ดังนั้น บริษัทจึงสนใจในการกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังช่องทางอื่นมากขึ้น ซึ่งการกระจายไปในช่องทางร้านสะดวกซื้อหรือบิวตี้สโตร์ จำเป็นต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและตรงตามกลุ่มเป้าหมายของสินค้าอย่างแท้จริง เนื่องจากในแต่ละช่องทางจะมีกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกัน การเลือกหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผู้บริโภคในแต่ละช่องทาง จึงมีความสำคัญต่อการนำผลิตภัณฑ์ออกไปวางบนเชลฟ์ของร้านสะดวกซื้อและบิวตี้สโตร์ด้วย
ด้านนายณฐชัย ว่องวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีแอล อินเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ เพียวริก้าส์ (Puricas), เพียวรี (Peurri), แฮนด์เนชั่น (Hand Nations), ครีมเดอลาเทกส์ (Cream De Latex) และ เมลามิ (Melamii) กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า วันนี้ต้องยอมรับว่าตลาดครีมซองมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากการศึกษาตลาดพบว่า มีมูลค่าสูงเกือบ 1 หมื่นล้านจากแบรนด์ต่างๆ ทั้งอินเตอร์แบรนด์และโลคัลแบรนด์ ทั้งสินค้าที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ
สาเหตุที่ทำให้ตลาดครีมซองมีการเติบโตอย่างมากมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หันมาเลือกซื้อด้วยปัจจัยหลายประการ ทั้งใช้จ่ายง่าย ราคาไม่สูง ซื้อสะดวก ไม่ชอบก็ทิ้ง จึงเป็นที่ถูกใจกลุ่มนักเรียน นักศึกษา รวมถึงคนทำงาน ดังนั้นจะเห็นว่าวันนี้มีทั้งแบรนด์หน้าใหม่ และแบรนด์ดั้งเดิมที่มีอยู่ในตลาดต่างพัฒนาสินค้าแบบซองออกวางจำหน่ายจำนวนมาก สำหรับบริษัทเอง มีแผนจะนำแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มสกินแคร์, ดูแลผิวหน้า สิว เช่น เพียวริก้าส์และเพียวรี มาพัฒนาเป็นรูปแบบซอง เพื่อออกวางจำหน่ายในเดือนมิถุนายนนี้
“เดิมตลาดครีมซองอาจจะถูกมองว่าเป็นตลาดล่าง แต่วันนี้เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ทำให้ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และเริ่มกระจายไปยังร้านเฮลธ์แอนด์บิวตี้ และอนาคตเชื่อว่าจะได้รับความนิยมในบิวตี้สโตร์ด้วย"
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,574 วันที่ 14-16 พฤษภาคม 2563