นายเคนเน็ธ โชจิ ผู้ก่อตั้งร้านกาแฟภายใต้แบรนด์ “อะราบิก้า” (% Arabica) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า มั่นใจว่าเศรษฐกิจในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นในอนาคต และธุรกิจกาแฟก็เช่นกัน โดยเฉพาะ “Speacialty Coffee” เห็นได้จากการเกิดขึ้นของคาเฟ่ดีๆ มากมายในกรุงเทพฯ อีกทั้งไทยยังเป็นประเทศที่มี “Coffee Culture” ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้ตัดสินใจเข้ามาลงทุนเปิดแฟลกชิฟสโตร์ “อะราบิก้า” สาขาแรกในเมืองไทยที่ไอคอนสยาม บนพื้นที่ขนาด 250 ตารางเมตร ออกแบบตกแต่งในสไตล์มินิมอลอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
“โลเกชันเป็นส่วนสำคัญที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า โดยเฉพาะที่อะราบิก้า ซึ่งลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มที่มีประสบการณ์ในการเดินทาง ท่องเที่ยวและมองเห็นโลกในมุมต่างๆ มาแล้วมากมาย แน่นอนว่าไอคอนสยามมีความโดดเด่น เป็นศูนย์การค้าที่ผสมผสานความทันสมัยกับวิถีความเป็นไทยที่สง่างามได้อย่างลงตัว จึงไม่ใช่เรื่องยากในการตัดสินใจ อีกทั้งพื้นที่ที่ได้รับมานั้นก็ลงตัวมาก เป็น Open Space ที่โปร่งสบาย และอยู่ใกล้กับ Apple Store สาขาแรกในไทยด้วย”
สำหรับอะราบิก้าแฟลกชิฟสโตร์ เปิดบริการแห่งแรก ณ ไอคอนสยาม และเป็นสโตร์ลำดับที่ 58 จากทั่วโลก ทั้งนี้อะราบิก้า เป็นร้านกาแฟดังจากเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น เริ่มต้นธุรกิจครั้งแรกเมื่อปี 2556 ที่ประเทศฮ่องกง ก่อนจะมาเปิดคาเฟ่ที่เกียวโต ในปี 2557 ปัจจุบันร้านกาแฟดังมีสาขาอยู่ใน 15 ประเทศทั่วโลก
ด้วยจุดเด่นเรื่องของการปลูกและคั่วเมล็ดกาแฟเอง ทำให้แบรนด์สามารถสร้างบอดี้กาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ได้แฟลก ชิฟสโตร์อะราบิก้า ที่ไอคอนสยามจึงนำเสนอความพิเศษโดยใช้เครื่องคั่วกาแฟสัญชาติญี่ปุ่น Tornado King Coffee Roaster จำนวน 2 เครื่อง ซึ่งในประเทศไทยมีเฉพาะที่นี่เท่านั้น อีกทั้งนักชงกาแฟที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญจาก % Arabica (barista) พร้อมนำคอกาแฟสัมผัสประสบการณ์ดื่มกาแฟอย่างใส่ใจในรายละเอียด เริ่มจากการเลือกชนิดของเมล็ดกาแฟ และระดับการคั่วที่ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล คั่วด้วยเครื่อง Tornado King พร้อมเสิร์ฟให้ดื่มในร้านหรือแบบนำกลับ
สำหรับแผนการลงทุนในเมืองไทย บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายสาขาใหม่อีก 3-5 สาขา รวมถึง Roastery ด้วยในกรุงเทพฯ และอนาคตข้างหน้าจะขยายสาขาไปยังจังหวัดอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต ฯลฯ
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,583 วันที่ 14 - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2563