ใกล้ครบ 28 วันหรือ 1 เดือน การระบาดโควิดภายในประเทศ แทบเป็นศูนย์ ผู้ประกอบการเริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ รัฐบาลเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินเร่งฟื้นเศรษฐกิจ ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากภายในประเทศ เนื่องจากประเทศอื่นทั่วโลก ยังวิกฤติ ส่งผลให้พระเอกอย่างอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จะกลับมาเป็นปกติ เหมือนอดีตต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี แต่ธุรกิจที่ รัฐบาลจะใช้ธงนำพลิกฟื้นประเทศคือ การรักษาพยาบาล ธุรกิจสุขภาพเฮลแคร์ ดูแลผู้สูงอายุ เพราะเป็นวิถีใหม่ที่คนจะห่วงใยสุขภาพ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ปรากฎต่อสายตาชาวโลก กลายเป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางมาพำนักของชาวต่างชาติ
ดังนั้นเทรนด์สุขภาพ ศูนย์ดูแลผู้สูงวัย รองรับชาวต่างชาติ ในไทยจึงกลายเป็นธุรกิจขาขึ้น หลังโควิดคลี่คลายรัฐบาลควบคุมสถาน การณ์การระบาดโควิด-19ได้ดีเยี่ยม สร้างความเชื่อมั่นด้านการสาธารณสุข กระทั่งคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 4 ได้ในเวลาอันรวดเร็ว จึงมีเศรษฐีมีเงินจากหลายประเทศทั้งจีนแผ่นดินใหญ่ ประเทศในแถบยุโรป ต้องการลี้ภัยโรคระบาด นำเงินเข้ามารักษาโรคร้ายแรง เช่าระยะยาวบ้านพักสำหรับวัยเกษียนคลอดจน นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการหาพื้นที่ สร้างเมืองเพื่ออพยพผู้สูงอายุ มาอยู่ยังประเทศไทย ทำให้ เครื่องยนต์ใหญ่เวลานี้น่าจะเป็นอุตสาหกรรมดูแลสุขภาพผู้สูงวัย สร้างมูลค่านับแสนล้านบาทต่อปี แทนธุรกิจท่องเที่ยวที่บาดเจ็บล้มตาบเทขายกิจการในราคาถูก จึงเป็นช่องทางสำหรับนักลงทุนสายป่านยาวเข้าช้อนซื้อ โรงแรม หลายแห่ง ในประเทศ ทำสถานพยาบาล บ้านพักผู้สูงอายุ ขุมทองใหม่ในอนาคต อีกทางหรือไม่โดยสังเกตุจากจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่อย่างภูเก็ต ได้เสนอของบประมาณรัฐบาลลงทุนศูนย์กว่า 2,000 ล้านบาท ได้ทั้งสุขภาพและการท่องเที่ยว ในตัว
น.พ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์การระบาดไวรัสโควิดคลี่คลาย แต่ยังไม่ควรวางใจ เนื่องจากอาจกลับมาระบาดรอบ 2 เหมือน จีน เกาหลีได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลมีความรอบคอบ คนในประเทศให้ความร่วมมือแพทย์พยาบาล มีขีดความสามารถในการรักษาสูงจนเป็นที่ยอมรับขณะต่างชาติอย่างประเทศมหาอำนาจยังวิกฤติ ไม่มีพื้นที่รองรับในการรักษาพยาบาล
มองว่าอนาคต ธุรกิจสถานพยาบาล ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุ ใน ไทยจะกลายเป็นขุมทรัพย์ใหม่รองรับชาวต่างชาติที่รัฐบาลจะใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ประเมินว่าต้องใช้เวลาฟื้นตัว จากการปิดตัวลงของโรงแรมหลายแห่ง สำหรับทางออกได้หารือกับกระทรวงการต่างประเทศขอให้ รัฐบาลทำสัญญารัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของประเทศกลุ่มเป้าหมายอย่างจีน เกาหลี ฮองกง ดึงกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่ ติดโควิด และกลุ่มผู้สูงอายุ ต่างชาติเข้ามาเมืองไทย ฟักฟื้น และรักษาพยาบาล จะช่วยให้โรงแรมรีสอร์ตเล็ก-ใหญ่ ไม่ต่ำกว่าแสนแห่งในประเทศได้อานิสงส์ ปรับเป็นบ้านผู้สูงอายุ หรือสถานพยาบาลแทน เพื่อลดการล้มหายตายจากในธุรกิจท่องเที่ยว ขณะเดียวกันรัฐต้องร่วมกับประกันชีวิตประกันสุขภาพ ขยายเวลาวีซ่าจูงใจ ซึ่งหากดึงคนเหล่านี้มาได้ปีละ 3-4 หมื่นคน และเกิดการจับจ่ายด้านสุขภาพปีละ 3 หมื่นบาท ผ่านประกันชีวิตจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศพลิกฟื้นได้
สำหรับบริษัท ได้เตรียม แผนลงทุนเฮลแคร์ รองรับผู้สูงอายุ โดยนำธุรกิจโรงแรมของบริษัททั่วประเทศ กว่า 10 แห่งในต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่รองรับได้กว่า 2,000 ห้อง
นอกจากนี้ ยังมีโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ รังสิต 500 หน่วย และโรงพยาบาล ของธนบุรี อีก 2 แห่งที่เคยเตรียมรองรับผู้ป่วย โควิด นำมาปรับเป็นบ้านรองรับผู้สูงอายุสำหรับชาวต่างชาติ นอกจากกลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาในไทยแล้ว ยังได้อานิงส์ท่องเที่ยวจากบุตรหลาน การซื้ออสังหาริมทรัพย์อีกด้วย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 4 นี้
หมอบุญกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ผู้ป่วยจากต่างประเทศ ไม่สามารถเดินทางมารักษาได้ จาก การระบาดโควิดทำให้ยอดเดือนเมษายน คนไข้ลดลง 30% และในกรณีฉุกเฉินจำเป็นเร่งด่วน คนไข้ ป่วยมะเร็ง เบาหวานต้องการรักษาต่อเนื่องกับโรงพยาบาล จึงทำหนังสือผ่อนผันรัฐบาล เป็นกรณีพิเศษรับเฉพาะ คนไข้เช่าเหมาลำ เครื่องบินสัปดาห์ละ 2 ราย ยังไม่รวมกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาที่เลาะเส้นทางธรรมชาติเข้ามารักษา ยอมเสียค่าปรับ 500 บาท
“มองว่า ผู้ป่วยต่างชาติยังต้องการรักษาและฟักฟื้นในไทย อีกเป็นจำนวน มาก สามารถช่วยคนไทยด้วยกันมีงานทำมีรายได้”
หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,585 วันที่ 21 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2563