ส.ส.เสือโหยต้องไม่ลอยนวล “กมธ.งบ-ปปช.-สภา” อย่าเฉย

12 ส.ค. 2563 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ส.ค. 2563 | 12:47 น.

ส.ส.เสือโหยต้องไม่ลอยนวล! “กมธ.งบ-ปปช.-สภา” อย่าเฉย : คอลัมน์ทางออกนอกตำรา ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3600 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค.2563 โดย...บากบั่น บุญเลิศ

 

ส.ส.เสือโหยต้องไม่ลอยนวล!

“กมธ.งบ-ปปช.-สภา”อย่าเฉย
 

     ฉาวโฉ่ไปทั้งรัฐสภาไทย เมื่อ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพย์ฯ แฉกลางที่ประชุมอนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ที่มี น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย จากพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน และมีวาระพิจารณางบประมาณแผนบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล 1,276 ล้านบาท กรมทรัพยากรน้ำ 3,772 ล้านบาท และของ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย 13,103  ล้านบาทว่า “มีอนุกรรมาธิการฯบางคนโทรศัพท์เรียกเงิน 5 ล้านบาท แลกกับการผ่านงบประมาณให้ และขู่ว่าจะนำเรื่องนี้ไปแถลงต่อสื่อมวลชน” จนต้องมีผู้ใหญ่ลงมาเคลียร์
 

     เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ในสภาอัปยศของประเทศ ป.ป.ช.ตำรวจ ดีเอสไอ ต้องลงไปจัดการตรวจสอบเรื่องที่อธิบดีออกมาโวยว่า ถูกอนุ กมธ.ตบทรัพย์ 5 ล้านบาท แลกการปล่อยผ่านงบประมาณให้ได้ข้อยุติ อย่าปล่อยผ่านไปโดยเด็ดขาด
 

     รัฐธรรมนูญมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจนในเรื่องการห้ามมิให้ ส.ส. กระทำการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ห้ามมิให้กระทำการไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงมีส่วนร่วมในการใช้งบประมาณ หรือจัดทำโครงการฝ่าฝืนมีความผิดตามรัฐธรรมนูญ
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดคลิปลับ ส.ส.ตบทรัพย์ อธิบดีกรมน้ำบาดาล

รู้จัก “อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล” ศักดา วิเชียรศิลป์ ขรก.สาวไส้นักการเมือง

เรียกสอบ รีดใต้โต๊ะ "อธิบดีกรมน้ำบาดาล"

อธิบดีน้ำบาดาลแฉ โดนส.ส.เรียกใต้โต๊ะ 5 ล้าน
 

     หน่วยงานของรัฐจะเพิกเฉยในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะ “ส.ส.” ที่เป็นอนุกรรมาธิการหลายคนต่างยอมรับว่า ได้ยินในเรื่องนี้ และคนที่พูดเป็นถึงอธิบดี ถ้าส.ส.และประธานอนุกมธ.ฯ ไม่ทำอะไร ถือว่าผิดต่อหน้าที่ ผิดต่อประชาชน

     รัฐธรรมนูญมาตรา 144 ระบุชัดว่า “ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะแปรญัตติเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการหรือจำนวนในรายการมิได้ แต่อาจแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนรายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายตามข้อผูกพันอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้...
 

     (1) เงินส่งใช้ต้นเงินกู้
 

     (2) ดอกเบี้ยเงินกู้
 

     (3) เงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย
 

     ในการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือคณะกรรมาธิการ การเสนอการแปรญัตติ หรือการกระทำด้วยประการใด ๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย จะกระทำมิได้...
 

     ในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภา มีจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา เห็นว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสอง ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา และศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับความเห็นดังกล่าว
 

     ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการกระทำที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคสอง ให้การเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำดังกล่าวเป็นอันสิ้นผล ถ้าผู้กระทำการดังกล่าวเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือสมาชิกวุฒิสภาให้ผู้กระทำการนั้นสิ้นสุดสมาชิกภาพนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น
 

     แต่ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้กระทำการหรืออนุมัติให้กระทำการหรือรู้ว่ามีการกระทำดังกล่าวแล้ว แต่มิได้สั่งยับยั้ง ให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งนั้น เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนมิได้อยู่ในที่ประชุมในขณะที่มีมติและให้ผู้กระทำการดังกล่าวต้องรับผิดชดใช้เงินนั้นคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ย
 

     เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจัดทำโครงการหรืออนุมัติหรือจัดสรรเงินงบประมาณโดยรู้ว่า มีการดำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ถ้าได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้เป็นหนังสือหรือมีหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบ ให้พ้นจากความรับผิด
 

     การเรียกเงินคืนตามวรรคสามหรือวรรคสี่ ให้กระทำได้ภายในยี่สิบปีนับแต่วันที่มีการจัดสรรงบประมาณนั้น
 

ส.ส.เสือโหยต้องไม่ลอยนวล “กมธ.งบ-ปปช.-สภา” อย่าเฉย

     ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้รับแจ้งตามวรรคสี่ ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการสอบสวนเป็นทางลับโดยพลัน หากเห็นว่า กรณีมีมูล ให้เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดำเนินการต่อไปตามวรรคสาม และไม่ว่ากรณีจะเป็นประการใด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและศาลรัฐธรรมนูญหรือบุคคลใดจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้แจ้งมิได้....
 

     รัฐสภาจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้...ป.ป.ช.จะเอาอย่างไร คนไทยต้องช่วยกันติดตามการตบทรัพย์จากงบประมาณผ่านดินของส.ส.ผู้ไร้เกียรติ แต่บังอาจตบทรัพย์ในรัฐสภาผู้ทรงเกียรติกันให้ดี
 

     คนชั่วจะลอยนวลอีกหรือไม่ ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ผมพามาดู อนุกรรมาธิการแผนงานบูรณาการ 2 ว่าแต่ละคนคือใคร มีทรัพย์สินแค่ไหน ออดอยากปากแห้งอย่างไร จึงมีขบวนการตบทรัพย์งบประมาณแผ่นดิน
 

     คณะอนุกรรมาธิการชุดนี้ มี นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย เป็นประธานคณะฯ เธอเป็น ส.ส.อุบลราชธานี เขต 8 พรรคประชาธิปัตย์ เป็นกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ มีทรัพย์สิน 34,662,336.54 บาท หนี้สิน 801,342.12 บาท
 

     นายอนุรักษ์  ตั้งปณิธานนท์ รองประธานคณะอนุฯ คนที่หนึ่ง เป็น ส.ส.มุกดาหาร พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานคณะกมธ.กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน  เป็นรองประธานคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) มีทรัพย์สิน 142,926,025.8 บาท หนี้สิน 7,529,838.16 บาท
 

     นายจักรัตน์ พั้วช่วย รองประธานคณะอนุฯ คนที่สอง เป็น ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นกมธ.การป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย มีทรัพย์สิน 80,967,829.63 บาท หนี้สิน 147,298.15 บาท
 

     นายศรัณย์วุฒิ  ศรัณย์เกตุ รองประธานคณะอนุฯ คนที่สาม เป็นส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย เป็นที่ปรึกษากมธ.ป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด มีทรัพย์สิน 211,856,248.62 บาท หนี้สิน 3,030,404.38 บาท
 

ส.ส.เสือโหยต้องไม่ลอยนวล “กมธ.งบ-ปปช.-สภา” อย่าเฉย
 

     นายสมเจตน์  ลิมปะพันธุ์ รองประธานคณะอนุฯ คนที่สี่ เป็นส.ส.สุโขทัย พรรคภูมิใจไทย
 

     นายสุทิน  คลังแสง ประธานที่ปรึกษาอาวุโสคณะอนุฯ  เป็นส.ส.มหาสารคาม และเป็นประธานวิปฝ่ายค้าน มีทรัพย์สิน 39,004,159.71 บาท หนี้สิน 9,040,838.36 บาท
 

     นายสุรสิทธิ์  วงศ์วิทยานันท์ ประธานที่ปรึกษาคณะอนุฯ เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กำนันตู้ มีทรัพย์สิน 63,361,115.24 บาท หนี้สิน 10,000,000 บาท
 

     นายสาธิต  อุ๋ยตระกูล โฆษกคณะอนุฯ เป็น ส.ส.เพชรบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต2 อ.ท่ายาง และ อ.ชะอำ อดีตสมาชิก อบจ.เพชรบุรี มีทรัพย์สิน 38,481,597.09 บาท หนี้สิน 547,794 บาท
 

     ผศ.สิตางศุ์  พิลัยหล้า โฆษกคณะอนุฯ เป็นอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ ม.เกษตรศาสตร์
 

     นางนันทนา สงฆ์ประชา “มันแกว” เลขานุการคณะอนุฯ เลขาธิการพรรคประชาภิวัฒน์ ซึ่งพรรคนี้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่งคือ สมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรค
 

     นายบุญแก้ว สมวงศ์ ที่ปรึกษาคณะอนุฯ ส.ส.ยโสธร เขต 2 พรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 18,201,128.34 บาท หนี้สิน 35,276,000 บาท
 

     นายคมเดช ไชยศิวามงคล ที่ปรึกษาคณะอนุฯ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 3 พรรคเพื่อไทย มีทรัพย์สิน 12,964,338.14 บาท หนี้สิน 5,046,013.79 บาท
 

     นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ที่ปรึกษาคณะอนุฯ เป็น ส.ส.นนทบุรี เขต 2 เพื่อไทย มีทรัพย์สิน 31,483,672.61 บาท หนี้สิน 37,886,425.57 บาท
 

     นายพีรเดช คำสมุทร ที่ปรึกษาคณะอนุฯ เป็น ส.ส.พรรคก้าวไกล เป็นโฆษกกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ มีทรัพย์สิน 8,284,059.3 บาท หนี้สิน 231,994.66 บาท
 

     นายฐิตินันท์ แสงนาค ที่ปรึกษาคณะอนุฯ เป็นส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคภูมิใจไทย เป็นรองประธานกมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร โฆษกกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วม CPTPP มีทรัพย์สิน 16,449,304.67 บาท หนี้สิน 21,056.79 บาท
 

ส.ส.เสือโหยต้องไม่ลอยนวล “กมธ.งบ-ปปช.-สภา” อย่าเฉย
 

     นายธารา ปิตุเตชะ ที่ปรึกษาคณะอนุฯ เป็นส.ส.ระยอง เขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรองประธานกมธ.กิจการการพลังงาน มีทรัพย์สิน 95,298,841.29 บาท หนี้สิน 5,784,584.17 บาท
 

     นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ ที่ปรึกษาคณะอนุฯ เป็น ส.ส.กาญจนบุรี เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ เป็นโฆษกกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
 

     นายศิริพงษ์ รัสมี ที่ปรึกษาคณะอนุฯ เป็นส.ส. กทม. เขต 17 พรรคพลังประชารัฐ มีทรัพย์สิน 22,434,719.11 บาท หนี้สิน 12,825,235.76 บาท
 

     นายรณเทพ อนุวัฒน์ ที่ปรึกษาคณะอนุฯ  เป็น ส.ส.ชลบุรี เขต 3 พลังประชารัฐ เป็น รองประธานกมธ.การคุ้มครองผู้บริโภค มีทรัพย์สิน 14,842,929.51 บาท หนี้สิน 2,399,064.79 บาท
 

     นางเจริญ เรี่ยวแรง ที่ปรึกษาคณะอนุฯ เป็นส.ส.นนทบุรี เขต 1 พลังประชารัฐ เป็นที่ปรึกษากมธ.กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ มีทรัพย์สิน 71,927,324.34 บาท หนี้สิน 89,821,180.66 บาท เฉพาะนางเจริญ คนเดียวมีทรัพย์สิน 46,973,474.71 บาท
 

     ขณะที่ นายฉลอง คู่สมรส มีทรัพย์สิน 24,953,849.63 บาท เป็น เงินฝาก 188,849.63 บาท ทรัพยสินอื่น ได้แก่ นาฬิกา แหวน สร้อยทอง พระเครื่อง อาวุธปืน 3 กระบอก 24,760,000 บาท (เฉพาะพระเครื่อง มูลค่า 24 ล้าน) หนี้สิน 88,790,232.42 บาท รวมทรัพย์สิน 2 คน 71,927,324.34 บาท หนี้สิน 89,821,180.66 บาท
 

     มาช่วยกันสแกนหาตัว ส.ส.เสือโหย ที่ตบทรัพย์จากงบประมาณกันเถอะพี่น้องไทย อย่าให้คนแบบนี้เชิดหน้า ชูคอในสภาไทย