นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนเดือนตุลาคม ภาพรวมมองกรอบการแกว่งตัวของดัชนีที่ 1,190-1,270 จุด อิงค่าพี/อีล่วงหน้าระหว่าง 15.7-16.8 เท่า ภายใต้สมมติฐานอัตรากำไรสุทธิของตลาด (EPS) จะไม่ถูกปรับลดลงอีกอย่างสำคัญ ทั้งนี้ คาดดัชนีหุ้นในเดือนนี้จะมีความผันผวนรุนแรงขึ้น จากกรณีที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กลับมาใช้เกณฑ์ปกติในการชอร์ตเซลหุ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563
นอกจากนี้ ยังเตรียมเจอบททดสอบจากการเตรียมเข้าสู่ช่วงของการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ซึ่งประเมินว่ามีโอกาสสร้างความผิดหวังให้กับตลาดได้ ทั้งในแง่ของงบฯไตรมาส 3 เอง และแนวโน้มกำไรปีหน้าที่นักวิเคราะห์อาจต้องมีการหั่นลง นำมาสู่การปรับลดประมาณการ EPS ของตลาดครั้งใหม่ได้ รวมถึงยังมีเรื่องของการหมดอายุมาตรการพักชำระหนี้ของธปท. อาจเป็นการสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการรวมไปถึงประชาชนในประเทศมากยิ่งขึ้นได้ สำหรับปัจจัยภายนอก คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะเข้าสู่ช่วงของการแกว่งตัวผันผวนมากขึ้น เมื่อเข้าใกล้กับช่วงของการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่ผลลัพธ์นั้นยังประเมินได้ยาก
อย่างไรก็ตาม ประเมินกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจเป็นเป้าหมายของการถูกชอร์ตเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากเป็นกลุ่มหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการในระยะสั้นน่าผิดหวัง แถมยังซื้อขายด้วย Valuation ในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม โรงแรม สนามบิน ค้าปลีก สื่อสาร เป็นต้น ล่าสุดตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนสิงหาคมพบว่าโมเมนตัมของการฟื้นตัวเริ่มอ่อนแรงลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคภายในประเทศที่หดตัวมากขึ้น หลังผ่านพ้นจุดสูงสุดของ Pent up demand ไปแล้วในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สำหรับการเลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กยังคงเป็นทางเลือกที่ดีในภาวะปัจจุบัน เนื่องจากมีปัจจัยหนุนหลายด้าน ทั้งจาก Valuation ที่อยู่ในระดับสมเหตุสมผล อัตราการเติบโตของกำไรที่จูงใจ โมเมนตัมการปรับประมาณกำไรที่แข็งแกร่ง และสภาพคล่องของนักลงทุนทั่วไปที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ล่าสุดธปท.รายงานตัวเลขฐานเงินอย่างกว้างประจำเดือนสิงหาคมพบเติบโตสูงในระดับ 10.6% มองเป็นปัจจัยหนุนระดับการมีส่วนร่วมของนักลงทุนทั่วไป ซึ่งถือเป็นอานิสงส์ทางอ้อมต่อหุ้นขนาดกลาง-เล็กต่อไป
"ตราบใดที่ SET Index ยังลงไปไม่ถึงระดับ 1,200 จุดหรือต่ำกว่า หุ้นขนาดกลาง-เล็กจะยังคงปรับตัว Outperform ตลาดได้ต่อไป ดังนั้น หากจะต้องเลือกหุ้นลงทุนในช่วงนี้ ทางทรีนีตี้จึงเลือกหุ้นที่อยู่นอกเหนือดัชนี SET50 ทั้งหมด และต้องเป็นหุ้นที่ 1) ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมามีการถูกปรับประมาณการขึ้น 2) มี Forward PE ปี 2564 ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง และ 3) เป็นหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรเฉลี่ยในช่วงปี 2020-21 เป็นบวก ซึ่งหากใช้เกณฑ์ทั้ง 3 ดังกล่าว จะพบว่ามีหุ้นใน Consensus ที่ผ่านเกณฑ์อยู่ทั้งหมด 10 ตัวด้วยกัน ได้แก่ ASIAN, CHAYO, ICHI, ILINK, JMART, PRM, PTG, STGT, UTP, WICE”