นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจในเดือนก.ย.2563 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศจำนวน 5,636 ราย เมื่อเทียบกับเดือนส.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 2% และเทียบเดือนก.ย.2562 ลดลง 19% โดยมีทุนจดทะเบียนมูลค่า 12,782 ล้านบาท เทียบกับส.ค.2563 ลดลง 11% เทียบกับก.ย.2562 ลดลง 55% เนื่องจากผู้ประกอบการยังกังวลสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การจดตั้งบริษัทใหม่ลดลง แต่แนวโน้มเริ่มดีขึ้น ตามมาตรการของรัฐบาลที่ออกมากระตุ้นการท่องเที่ยว กระตุ้นการบริโภค และเร่งรัดการลงทุน ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีการจัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้น
โดยเดือนก.ย.2563 มีธุรกิจที่น่าจับตา ก็คือ ภัตตาคารและร้านอาหาร มีการตั้งใหม่เพิ่มขึ้น จนกลับมาติดอันดับ 3 ของธุรกิจตั้งใหม่สูงสุด โดยก่อสร้างอาคารทั่วไปยังคงเป็นอันดับ 1 อสังหาริมทรัพย์อันดับ 2 เพราะได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล คนมีการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ภัตตาคารและร้านอาหาร กลับมาฟื้นตัว หลังจากที่ตกอันดับ 3 ไปตั้งแต่เดือนเม.ย.2563 และยังมีธุรกิจทำความสะอาดและธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ ที่มีแนวโน้มดี มีการจดตั้งใหม่เพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 1,568 ราย เทียบกับส.ค.2563 เพิ่มขึ้น 17% และเทียบกับก.ย.2562 ลดลง 19% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 8,480 ล้านบาท เทียบกับส.ค.2563 เพิ่มขึ้น 57% และเทียบกับก.ย.2562 ลดลง 45% โดยธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหาร
สำหรับยอดรวมการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วง 9 เดือนปี 2563 (ม.ค.-ก.ย.) มีจำนวน 50,178 ราย ลดลง 13% ทุนจดทะเบียนรวม 148,383 ล้านบาท ลดลง 20% และธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 10,393 ราย ลดลง 13% ทุนจดทะเบียน 47,903 ล้านบาท ลดลง 36% โดยคาดว่าปี 2563 ทั้งปี จะมีการจดตั้งธุรกิจใหม่ประมาณ 60,000-64,000 ราย ลดลงจากปี 2562 ที่มีการจดตั้งใหม่รวม 72,000 ราย เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีการล็อกดาวน์ คนชะลอการทำธุรกิจ
ทั้งนี้ ล่าสุดมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 ก.ย.2563) มีจำนวน 774,012 ราย มูลค่าทุน 18.62 ล้านล้านบาท แยกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,912 ราย คิดเป็น 24.28% บริษัทจำกัด จำนวน 584,818 ราย คิดเป็น 75.55% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,282 ราย คิดเป็น 0.17% ตามลำดับ