นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564 จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดสินค้าทั้งในส่วนของกลุ่มสินค้าชาเขียวพร้อมดื่ม (Tea) และกลุ่มธุรกิจที่ไม่ใช่ชาเขียว (Non Tea) ควบคู่กับการมองหาการเติบโตในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆที่ไม่ใช่เครื่องดื่ม (Non-Drink) ภายใต้กลยุทธ์ 3N ที่ประกอบไปด้วย New Product, New Market และ New Business เพื่อฟื้นสถานการณ์ธุรกิจของอิชิตันให้กลับมาอีกครั้ง ซึ่งแม้ปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่ม
ก็ต้องยอมรับว่าภาพรวมตลาดเริ่มอิ่มตัว ดังนั้นช่วงที่ผ่านมาจึงมีการแตกไลน์เครื่องดื่มในกลุ่มน้ำตาลน้อย หรือไม่มีน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น 1.อิชิตัน น้ำด่าง 8.5 ผสมวิตามินบีรวมที่เปิดตัวทำตลาดเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา 2.อิชิตัน วิตซีซี เครื่องดื่มวิตามินซีสูง 200% และ 3. ล่าสุด อิชิตัน วิตามิน วอเตอร์ ซี พลัส อี (ICHITAN Vitamin Water C Plus E) ในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค
“ยุคนี้ธุรกิจเปลี่ยนแปลงเร็วและไม่ใช่ยุคที่จะลงทุนในธุนกิจจำนวนมหาศาล แน่นอนว่าการร่วมทุน การซื้อมาขาย คือสิ่งที่เราสนใจ แต่ถ้าหากจะให้ลงทุนหลักหลายพันล้านบาทในการลงทุนเครื่องจักร โรงงาน ไม่มีแน่นอน”
ขณะที่แผนงานหลักในปีหน้าจะโฟกัสในส่วนของ Non Tea และ Non-Drink มากขึ้น ซึ่งไม่ใช่เพียงสินค้าในกลุ่มน้ำดื่มวิตามินเท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงสินค้าอื่นๆซึ่งเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น สแน็ค หรือสินค้าอื่นๆ นอกจากสินค้าที่หลากหลายบริษัทยังมีการนำกลยุทธ์ด้านไซซ์ซิ่งเข้ามาใช้ในการรองรับความต้องการ ตั้งแต่ราคาขวดละ 10 บาทเป็นต้นไป เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างไปแต่ละช่วงวัย โดยมีแผนเปิดตัวสินค้าในกลุ่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพใหม่ 4-5 รายการในปีหน้า
สำหรับกลุ่มชาเขียวก็จะมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ออกมาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการอยู่ ควบคู่กับการมองหาธุรกิจใหม่ๆที่จะขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่าการมองหาธุรกิจใหม่ๆนั้นจะเป็นรูปแบบของการร่วมทุน (Joint Venture) หรือธุรกิจซื้อมา-ขายไป มากกว่าการใช้งบประมาณมากๆในการลงทุนหรือเข้าซื้อกิจการเป็นหลักพันล้านบาท โดยจะเห็นความคืบหน้าได้ในไตรมาส 2 ของปี 2564 โดยวางเป้าหมายจะต้องมีสัดส่วน 50% จากรายได้รวม 1 หมื่นล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้าให้ได้
“ปีนี้ธุรกิจของอิชิตันเข้าสู่ปีที่ 11 ซึ่งต้องยอมรับว่า 7 ปีแรกของอิชิตันจำหน่ายเฉพาะเครื่องดื่มชาเขียวเพียงอย่างเดียว ซึ่งแน่นอนว่าแผนงาน 5 ปีนับจากนี้เราจะต้องสร้างความหลากหลายให้แก่พอร์ตสินค้าของบริษัท เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาวและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งจะมีทั้งการร่วมทุน ซื้อมาขายไป”
นายตัน กล่าวอีกว่า ความท้าทายในการบริหารงานและทำตลาดในยุคนี้คือ เรื่องของ “เวลา” ที่ต้องมีการบริหารจัดการ มอนิเตอร์เทรนด์ในตลาด และการทำตลาดแข่งกับเวลา เพื่อสร้างยอดขายในกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มวิตามินขึ้นแท่นผู้นำเบอร์ 1 หรือเบอร์ 2 หรือครองส่วนแบ่งทางการตลาดให้ได้มากกว่า 40% ขึ้นไปในปี 2564 จากปัจจุบันที่บริษัทเข้ามาทำตลาดเป็นรายที่ 3
อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า คือการที่มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขายที่มาจากธุรกิจเครื่องดื่ม ทั้งกลุ่มชาเขียว (Tea) และกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่ชาเขียว (Non-Tea) 50% และอีก 50% เป็นรายได้ที่มาจากกลุ่ม Non Drink หรือกลุ่มธุรกิจใหม่ New Business ที่บริษัทได้เตรียขยายธุรกิจออกไปอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีรายได้กว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายที่มาจากในประเทศ 75% และต่างประเทศ 25%
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,624 วันที่ 5 - 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เย็นเย็น x DragonballZ ปล่อยพลังคลื่นเต่าป้องแชมป์ตลาด
‘อิชิตัน’ กางแผนบุกเฮลตี้ ฟื้นยอดครึ่งปีหลัง ตั้งเป้าทะยาน 50%