นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการขับเคลื่อนองค์กรสู่ทศวรรษที่ 4 เดอะ มอลล์ กรุ๊ปจึงทุ่มงบกว่า 2 หมื่นล้านบาท ในการรีแบรนด์ดิ้งภาพลักษณ์ใหม่ สู่ THE MALL LIFESTORE ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE : ชีวิตที่มีความสุขทุกครอบครัว” รีเทลโมเดลใหม่ ซึ่งถือเป็นการปรับฅโฉมใหม่ครั้งสำคัญที่สุดตั้งแต่ดำเนินธุรกิจรีเทลมากว่า 39 ปี รวมทั้งการปรับเปลี่ยน CORPORATE IDENTITY, โลโก้ใหม่ จาก M ริบบิ้นม้วนสีแดง พลิกโฉมสู่อักษร M แบบเรียบง่าย ดูแข็งแรง และแฝงความร่วมสมัยเป็นสากลมากยิ่งขึ้น
“เป็นที่รับรู้ว่าเดอะ มอลล์ คืออาณาจักรแห่งความสุขทุกครอบครัว แต่นับจากนี้จะเป็น THE MALL LIFESTORE ภายใต้คอนเซ็ปต์ A HAPPY PLACE TO LIVE LIFE ที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ทุกเจนเนอเรชั่น โดยเริ่มต้นจากการรีโนเวตสาขาต่างๆ ทั้ง 5 แห่ง เริ่มจากเดอะ มอลล์ สาขางามวงศ์วาน, ท่าพระ, บางแค, รามคำแหง และบางกะปิ”
สำหรับโรดแมพ 5 ปี (ปี 2562-2566) เดอะ มอลล์ กรุ๊ปเดินหน้าโดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง “CUSTOMER CENTRIC” โดยทุกองค์ประกอบจะถูกปรับเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเพื่อตอบทุกโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าทุกเจนเนอเรชั่นตาม 4 แนวคิด ได้แก่ 1. URBANHOOD LIFESTYLE รังสรรค์ไลฟ์สไตล์ทันสมัย ยกแบรนด์ที่ครบครันมาไว้ที่เดียว 2. HYBRID EXPERIENCE ที่สุดแห่งประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบไร้รอยต่อ ทุกพื้นที่จะถูกเชื่อมโยงถึงกันแบบลงตัว ด้วยฟังก์ชั่นการจัดรูปแบบร้านค้าให้เป็น SEAMLESS SHOPPING EXPERIENCE 3. NATURE ENJOYMENT ผสานความรื่นรมย์ของธรรมชาติเข้ากับไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว และ 4. NEIGHBOURGOOD COMMUNITY เชื่อมโยงความสัมพันธ์อันดี พร้อมส่งมอบกิจกรรมดีๆ ให้กับชุมชน และทุกคนในครอบครัว
โดยมีเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน เป็นโมเดลรีเทลต้นแบบ ซึ่งนอกจากการรีโนเวตสาขาใหม่ ยังขยายพื้นที่เพิ่ม โดยใช้เงินลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท ปรับโฉมใหม่ทุกพื้นที่ทุกองค์ประกอบ ทุกฟังก์ชัน เชื่อต่อห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า สร้างบรรยากาศให้เป็นบ้านหลังที่ 2 ของทุกคน และสิ่งสำคัญคือ การตกแต่งโดยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ซึ่งภายในเดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน แบ่งออกเป็น 14 โซน อาทิ FASHION รวมแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าชั้นนำกว่า 400 แบรนด์ พร้อม LADIES BOUTIQUE, SHOES AND BAGS SALON, ACCESSORIES BAZAAR เป็นต้น, โซน BEAUTY อาณาจักรความงามระดับโลก BEAUTY HALL กับสุดยอดแบรนด์ชั้นนำระดับเวิลด์คลาสกว่า 150 แบรนด์, LIFESTYLE ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ อาทิ ร้าน MUJI (มูจิ), ร้าน CHIVIT-D BY SCG (ชีวิตดี บาย เอสซีจี) จำหน่ายสินค้าสุขภาพเพื่อผู้สูงอายุ ฯลฯ SPORTS MALL ศูนย์รวมสินค้าและอุปกรณ์กีฬาจากแบรนด์ดังทั่วโลกกว่า 200 แบรนด์ , POWER MALL อาณาจักรเครื่องใช้ไฟฟ้ากว่า 100 แบรนด์จากทั่วโลก, BE TREND สัมผัสเทรนด์สุดอัพเดทกับไลฟ์สไตล์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมี ENTERTAINMENT & FUNDUTAINMENT อาทิ SFX CINEMA กับ 10 โรงภาพยนตร์คุณภาพ , FANTASIA LAGOON สวนน้ำ แฟนตาเซีย ลากูน ในรูปแบบ BEACH WATER PARK บีชคลับกลางใจเมือง, HARBORLAND สนามเด็กเล่นในร่ม, JOLLY JUNGLE PLAYLAND ดินแดนแห่งการผจญภัยในป่ามหัศจรรย์ ฯลฯ, MCC HALL MULTIPURPOSE HALL พื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร สามารถจัดงานทุกรูปแบบ อาทิ การจัดการประชุมและสัมนาระดับนานาชาติ, การจัดงานแสดงสินค้า, การจัดการแข่งขันกีฬาและคอนเสิร์ตระดับนานาชาติ ฯลฯ
นางสาวศุภลักษณ์ กล่าวว่า บริษัทจะใช้งบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ในการจัดงานฉลองเปิดโฉมใหม่ “เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ งามวงศ์วาน” ซึ่งนอกจากการแสดงโชว์ต่างๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ ยังจัดแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ มากมาย อาทิ “M LIFESTORE FESTIVAL” ลุ้นรับรถยนต์ TOYOTA MAJESTY มูลค่าเกือบ 2 ล้านบาท เมื่อช้อปครบทุก 1,000 บาท, รับฟรี CASH VOUCHER รวมสูงสุด 1,000 บาท เมื่อช้อปภายในห้างฯและศูนย์ ครบ 2,000 บาทขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีแคมเปญฉลองต่อเนื่องไปยังเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ อาทิ THE MALL JOY OF GIVING HAPPY FACTORY 2021 ด้วย
นอกเหนือจากการรีโนเวตทั้ง 5 สาขาแล้ว เดอะมอลล์ กรุ๊ป ยังมีแผนลงทุนอีก 2 โครงการใหม่ ได้แก่ แบงค็อก มอลล์ (Bangkok Mall) บริเวณสี่แยกบางนา ริมถนนบางนา-ตราด ภายใต้คอนเซปท์ The City with in The City ซึ่งจะเสร็จพร้อมเปิดเฟสแรกในปลายปี 2566 และโครงการดิ เอ็มสเฟียร์ หนึ่งในโครงการดิ เอ็ม ดิสทริคที่จะเชื่อมต่อกับดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ และสร้างให้เป็นย่านธุรกิจสำคัญบนถนนสุขุมวิท ซึ่งจะเปิดให้บริการในปลายปี 2565 โดยเบื้องต้นประเมินว่า 4-5 ปีนี้จะใช้เงินลงทุนทั้งหมดราว 5-6 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี เดอะ มอลล์ กรุ๊ป ได้วางโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มเรียลเอสเตท (RE) ประกอบด้วย ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ รีเทล อาคารสำนักงาน มิกซ์ยูส โรงแรม ที่อยู่อาศัยและเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งอนาคตจะเป็นพอร์ตใหญ่ที่สุดและสร้างรายได้ให้กับเดอะ มอลล์ กรุ๊ปในสัดส่วน 65% 2. กลุ่มเทรดดิ้งและรีเทล ประกอบด้วย ดีพาร์ท เม้นท์สโตร์, โอเปอเรชั่นและมาร์เก็ตติ้ง และกลุ่ม 3. กลุ่มไฟแนนเชียลและไอที ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการสร้างรายได้ที่ยั่งยืน โดยเดอะมอลล์ กรุ๊ปเริ่มปรับรูปแบบการบริหารพื้นที่ภายในศูนย์จากเดิมที่เป็นการเซ้งระยะยาว มาเป็นการเช่าระยะสั้น ซึ่งจะทำให้บริษัทสร้างรายได้ให้แข็งแรงและมีกำไร โดยในปี 2562 บริษัทมีรายได้รวม 5.4 หมื่นล้านบาท
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,626 วันที่ 12 - 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง