อังกฤษยันพบโควิดสายพันธุ์ใหม่ แพร่ระบาดไวขึ้นมาก

20 ธ.ค. 2563 | 02:49 น.
อัปเดตล่าสุด :20 ธ.ค. 2563 | 10:05 น.

หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษแถลงยืนยันการตรวจพบไวรัสโคโรน่าที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่สามารถแพร่ระบาดได้ไวกว่าสายพันธุ์เดิมถึง 70%

 

ศาสตราจารย์ คริส วิตตี หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของ อังกฤษ แถลงวานนี้ (19 ธ.ค.) ว่าจากการรวบรวมหลักฐานที่มีอยู่ พบว่า ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ สามารถ กระจายตัวอย่างรวดเร็ว และมีนัยยะสำคัญ เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ที่เคยพบก่อนหน้านี้ 

 

อย่างไรก็ตาม ในขั้นนี้ยัง “ไม่มีหลักฐาน” ยืนยันว่า ไวรัสกลายพันธุ์ตัวนี้ทำให้เกิดโรคที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้เกิดผู้ติดเชื้อในระดับที่ต้องรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น หรือส่งผลกระทบต่อการรักษาหรือการใช้วัคซีนที่มีอยู่

 

การค้นพบไวรัสดังกล่าวทำให้ นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ตัดสินใจเพิ่มมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชุดใหม่ออกมาอีกเมื่อวันศุกร์ (19 ธ.ค.) โดยเขาให้เหตุผลว่า การค้นพบดังกล่าวทำให้มีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการรับมือในทันที ซึ่งรวมถึงการยกระดับความเข้มข้นในการควบคุม-ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในเขตกรุงลอนดอนและพื้นที่อื่น ๆของอังกฤษก่อนที่เทศกาลคริสต์มาสจะมาถึง

 

“เมื่อไวรัสเปลี่ยนวิธีการโจมตี เราก็จะต้องเปลี่ยนวิธีการป้องกันตัวเอง” นายกฯอังกฤษกล่าว ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษได้เปิดเผยถึงการค้นพบไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้ครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ (14 ธ.ค.) หลังจากที่มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากในเมืองต่าง ๆทางภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษแถลงการณ์ว่า นับจนถึงวันที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานการตรวจพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมากกว่า 1,100 รายในอังกฤษ

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรีอังกฤษเป็นผู้เปิดเผยว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้สามารถแพร่กระจายได้ไวกว่าสายพันธุ์เก่าถึง 70 % ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และด้วยเหตุนี้ ทำให้รัฐบาลอังกฤษขอให้ประชาชนงดการเดินทางที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะการเดินทางข้ามเมือง ขอให้อยู่ในพื้นที่ให้มากที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่แพร่กระจายไปทั่วประเทศหรือหลุดรอดออกไปสู่ต่างประเทศ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลอนดอนยกระดับเตือนภัย “ขั้นสูงสุด” หลังพบโควิดกลายพันธุ์ที่อาจแพร่ได้ไวขึ้น

ล็อกดาวน์ “อิตาลี” ทั่วประเทศ สกัดโควิดพุ่งช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่

FDA พบสารเคมีในวัคซีนต้านโควิดอาจเป็นต้นเหตุอาการแพ้

 

ปัจจุบัน อังกฤษมีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ประมาณ 24,061 คนต่อวัน (เป็นค่าเฉลี่ยที่คำนวณรายสัปดาห์) ซึ่งจำนวนดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 40 % เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของสัปดาห์ก่อนหน้า

 

ศาสตราจารย์ คริส วิตตี หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของอังกฤษ ให้คำอธิบายเพิ่มเติมว่า ไวรัสมีการกลายพันธุ์ได้ตลอดเวลา และไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่มักจะมาตามฤดูกาลก็มีการกลายพันธุ์ทุกปี นอกจากประเทศอังกฤษแล้วยังมีการตรวจพบไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์ในประเทศอื่น ๆอีกด้วย เช่น สเปน สิ่งที่ทางการกำลังศึกษาหาคำตอบก็คือไวรัสสายพันธุ์ใหม่เหล่านี้สามารถแพร่กระจายได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น หรือไม่ และพวกมันทำให้ผู้คนเจ็บป่วยมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่  มันมีผลต่อการตอบสนองของระบบภูมิต้านทานของคนอย่างไรเมื่อคนเหล่านั้นติดเชื้อ หรือเมื่อพวกเขาได้รับวัคซีน

 

การรวบรวมข้อมูลจนถึงขณะนี้ ชี้ว่า ไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าวสามารถแพร่กระจายได้เร็วขึ้นอย่างมาก แต่ยังไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า มันทำให้อาการเจ็บป่วยรุนแรงขึ้นหรือทำให้มีผู้เสียชีวิตมากขึ้น  สถิติข้อมูลทำให้เชื่อว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ปรากฏตัวครั้งแรกช่วงกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยตรวจพบที่กรุงลอนดอนและเมืองเคนท์  จากนั้นราวกลางเดือนพ.ย. ก็มีการตรวจพบไวรัสดังกล่าวใน 28% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19ในกรุงลอนดอนและเมืองอื่น ๆทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอังกฤษ แต่นับจากนั้นมาจนถึงขณะนี้ก็ดูเหมือนการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่ากลายพันธุ์ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตรวจพบไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ใน 60% ของผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในกรุงลอนดอน

 

“จากหลักฐานที่เรามีอยู่นี้ บ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไม่เพียงแพร่กระจายได้รวดเร็วมากขึ้น มันยังกลายมาเป็นสายพันธุ์หลักที่เราตรวจพบในผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในขณะนี้อีกด้วย  มันเอาชนะทุกสายพันธุ์ในแง่การแพร่กระจาย” ศ.วิตตีกล่าว และว่า ยังโชคดีที่ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า ไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าวทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากขึ้น หรือทำให้มีผู้ต้องเข้าโรงพยาบาลมากขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่มีหลักฐานชี้ว่า มันจะทำให้ร่างกายตอบรับการฉีดวัคซีนแตกต่างออกไป ดังนั้น จึงเชื่อว่า วัคซีนที่มีอยู่จะสามารถใช้ป้องกันไวรัสตัวใหม่นี้ได้ ซึ่งก็จะต้องมีการศึกษาวิจัยให้มากขึ้นต่อไป   

 

ทั้งนี้ อังกฤษได้แจ้งต่อองค์การอนามัยโลก (WHO) เกี่ยวกับการค้นพบไวรัสกลายพันธุ์ตัวใหม่นี้แล้ว