คุมเข้ม"โควิด"!เชียงใหม่สั่งปิดบ่อนไก่-ห้ามร้านเปิดโต้รุ่งวันสิ้นปี

30 ธ.ค. 2563 | 13:05 น.

จังหวัดเชียงใหม่ งัดมาตรการสกัด"โควิด" ด้วยการประกาศสั่งปิดบ่อนไก่ และ ห้ามร้านเปิดโตรุ่งในวันส่งท้ายปี มีผลบังคับใช้ 30 ธันวาคมนี้ ผู้ใดฝ่าฝืนมีทั้งโทษจำและโทษปรับ

วันที่ 30 ธ.ค. 63 นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดเชียงใหม่ ได้ลงนามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 36/2563 เรื่อง การดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19


โดยระบุว่า ตามที่ คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 14/2563 ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ได้เห็นชอบการขยายเวลาในการปิดสถานบันเทิง สถานบริการ ให้เป็นไปตามเวลาปกติของแต่ละกิจการตามที่กฎหมายกำหนด โดยกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิดปิดของสถานบริการ พ ศ. 2547 กำหนดว่า ในวันที่ 31 ธันวาคม สถานบริการสามารถจะเปิดทำการต่อไป จนถึงเวลา 06.00 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้นนั้นก็ได้


แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มที่จะแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ จึงมีมติในการประชุมครั้งที่ 80/2563 เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.63 เห็นชอบ ให้กำหนดมาตรการเพิ่มเติม ในการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของประเทศไทย และเหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 


จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินพ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ กำหนดมาตรการดำเนินการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนี้
 

 

ข้อ 1 ให้สถานบริการปิดเวลา 24.00 น. ในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 สำหรับวันอื่นให้เป็นไปตามเวลาปกติของแต่ละกิจการตามที่กฎหมายกำหนด


ข้อ 2 ให้งดออกใบอนุญาตการจัดให้มีการเล่นการพนันชนไก่ ตั้งแต่บัดนี้เป็นตันไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย


ทั้งนี้หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 หรือต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548


โดยให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง