นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แผนงานปี 2564 จะพยายามเดินหน้าต่อยอดในส่วนของงานปี 2563 แม้ว่ารายได้จะลดลงจากการจำหน่ายข้าว เข้าเรือนจำจะลดลงไปกว่า 40-50% จากเกิดกรณีทุจริตถุงมือยางช่วงปลายปีและอยู่ระหว่างการเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง ทำให้ภาพลักษณ์ของอคส.เสียไป ส่งผลให้เรือนจำหันไปซื้อข้าวจากองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามอคส.พยายามที่จะปรับภาพลักษณ์ และหาสินค้าตัวอื่นมาทดแทนรายได้ที่หายไป เบื้องต้น มีแผนจะทำข้าวถุงที่มีคุณภาพแต่ราคาถูกลงจากเดิม และปรับคุณภาพข้าวใหม่ มีการหาข้าวสายพันธุ์อื่นๆ มาทำตลาด เช่นจากกลุ่มเกษตรกรลพบุรี กลุ่มเกษตรกรบุรีรัมย์ เป็นต้น
“เราจะเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลายจะเรียกว่าเป็นการรีแบรนด์ข้าวถุงก็ว่าได้ อาจจะเป็นสูตร1 สูตร2 ส่วนราคาจะถูกลงจากเดิมที่ขายถุงละ 1 กิโลกรัม 44 บาท (ข้าวหอมมะลิ) จะเน้นการจัดโปรโมชั่น เช่น ซื้อ 5 แถม 1 เพื่อให้เกิดการจูงใจในการซื้อ ส่วนแบรนด์อาจจะใช้ แบรนด์ “ข้าว อคส.” จากเดิมใช้แบรนด์ PWO คาดน่าจะเปิดตัวได้ประมาณเมษายน ซึ่งจะมีขนาด 1 กิโลกรัม 5 กิโลกรัม เป็นข้าวขาว และข้าวเสาไห้ ส่วนเรื่องกำลังการผลิตเบื้องต้นยังไม่กำหนดเนื่องจากต้องดูปริมาณความต้องการและการกระจายสินค้าก่อน แต่คาดได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้”
สำหรับช่องทางการจำหน่ายข้าวถุงแบรนด์ใหม่ของอคส. จะยังคงเน้นไปที่ร้านธงฟ้า ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และในอนาคตจะมีไปวางจำหน่ายตามหัวเมืองใหญ่ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา พิษณุโลก ส่วนข้าวหอมมะลิซึ่งเป็นข้าวพรีเมี่ยมของอคส.นั้น จะเน้นขายเข้าโมเดิร์นเทรด วิลล่ามาร์เก็ต และมีแผนส่งทำตลาดออนไลน์ในจีนผ่าน T-Mall ที่กระทรวงพาณิชย์มีเครือข่ายอยู่
ทั้งนี้อคส.ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ที่มีรายได้ 1,260 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการขายข้าวเข้าเรือนจำ จากนี้ไปจะเดินสายกู้ภาพลักษณ์ที่เสียไปกลับมา ซึ่งหาก อคส.สามารถจำหน่ายข้าวเข้าเรือนจำทั่วประเทศได้จะทำให้มียอดขายแบบก้าวกระโดด ตั้งเป้ารายได้ปี 2565 ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นปีละ 10% แต่หากการจำหน่ายข้าวถุงประสบความสำเร็จในตลาดจีน อคส.น่าจะมีรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท ได้ในปี 2565
หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,644 วันที่ 14 - 16 มกราคม พ.ศ. 2564