เมื่อ วันที่ 20 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา นายภาณุศักดิ์ สายพาณิชย์ นายกสมาคมทุเรียนไทยและกลุ่มสมาคมทุเรียนไทย ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอความอนุเคราะห์การส่งออกทุเรียนไทยในช่วงการระบาดของ covid 19 ถึง พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผ่าน ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับมอบหนังสือ นอกจากนั้นขอให้รัฐบาลช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มาตรฐานความปลอดภัยของผลไม้ไทยเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนด้วย
ต่อกรณีนี้ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ได้สั่งการให้นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับตัวแทนของประเทศจีนเพื่อสร้างความมั่นใจการส่งออกทุเรียนไปจีนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดไวรัส “โควิด- 19 “ ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ของไทยและจะเริ่มมีการเตรียมการส่งออกตั้งแต่เดือน ก.พ. ถึง พ.ค. 2564 ทั้งนี้ให้นำข้อกังวลของนายกสมาคมทุเรียนไทยมาประกอบการหารือเพื่อช่วยกันรักษาตลาดส่งออกทุเรียนของไทยซึ่งแต่ละปีจะมียอดส่งออกไปจีนมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท และมีเกษตรกรรวมถึงผู้ที่อยู่ในระบบธุรกิจจนถึงส่งออกรวมแล้วกว่า 140,000 ครัวเรือน
“กระทรวงเกษตรฯ ตระหนักถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนและผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนข้อหารือที่ออกมาคาดว่าจะสามารถช่วยสร้างความเชื่อมั่นสินค้าส่งออกของไทยได้เพราะได้หารือกับหน่วยงานรับผิดชอบของประเทศผู้นำเข้า ซึ่งไทยยืนยันว่าจะรักษาระบบการผลิตที่ได้มาตรฐานเพื่อรักษาชื่อเสียงของทุเรียนไทย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคจีนทั้งคุณภาพและความปลอดภัยในทุเรียนของไทย” รมช.เกษตรฯกล่าว
ด้าน นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร (กวก.) กล่าวว่า กรมวิชาการเกษตรและสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้ร่วมหารือกับผู้แทนของสำนักศุลกากร (GACC) ของจีนเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายจีนแจ้งว่ารัฐบาลได้ยกระดับมาตรการควบคุมเชื้อไวรัสโควิด 2019 ที่ปนเปื้อนในสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ โดยจะมีการสุ่มตรวจสินค้าอย่างเข้มงวดและต้องดำเนินมาตรการการฆ่าเชื้อสำหรับอาหารที่ขนส่งโดยควบคุมอุณภูมิ (Cold Chain)
ตั้งแต่ด่านศุลกากร การขนส่ง การกระจายสินค้า และการจำหน่ายซึ่งการดำเนินการดังกล่าว ฝ่ายจีนดำเนินการกับสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ ทั้งนี้จีนชื่นชมระบบการจัดการส่งออกผลไม้ของไทยว่ามีประสิทธิภาพมาก และมีความปลอดภัยสูง โดยตลอดระยะเวลาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ผ่านมาไม่เคยตรวจพบการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโควิด 2019 ในบรรจุภัณฑ์และสินค้าผลไม้จากไทย ซึ่งทางฝ่ายไทยเน้นย้ำว่าภาครัฐและภาคเอกชนของไทยได้ร่วมผนึกกำลังที่จะดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมเพื่อให้สินค้าไทยมีความปลอดภัยควบคู่ไปกับคุณภาพที่ดี
ในโอกาสนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมวิชาการเกษตร และมกอช. ได้นำเสนอมาตรการการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในกระบวนการผลิตและคัดบรรจุผลไม้เพื่อการส่งออกตามแนวทางในการจัดการความปลอดภัยอาหารในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 ขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ( FAO )และองค์การอนามัยโลก(WHO)
ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติให้กับหน่วยงานของรัฐ และผู้ประกอบการผลิตอาหารในการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาหารและป้องกันการปนเปื้อนอาหาร เช่น การควบคุมกระบวนการผลิต วิธีการฆ่าเชื้อและการสร้างความตระหนักให้พนักงานเพื่อป้องกันโรค เป็นต้น ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของจีนและจีนขอให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสโคโรน่าในสินค้าผลไม้ต่อไป
นายพิเชษฐ์กล่าวต่อว่า ภายในสัปดาห์หน้า ไทยจะมีหนังสือแจ้งมาตรการการป้องกันไวรัสโควิด -19 ตามมาตรฐาน FAO และ WHO ที่จะให้โรงคัดบรรจุของไทยปฏิบัติไปยัง GACC เพื่อทราบ รวมถึงแจ้งประชาสัมพันธ์ให้โรงงานผลิตและเกษตรกรและประชาชนผู้บริโภคทั้งไทยและต่างประเทศเพื่อสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นทั้งภาษาไทย จีน อังกฤษ
สำหรับสาระสำคัญแนวทางการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กับความปลอดภัยสำหรับธุรกิจอาหาร ที่ FAO และ WHO แนะนำนั้นจะเน้นที่ระบบการจัดการความปลอดภัยอาหารเพื่อป้องกันการปนเปื้อนโดยจัดการความเสี่ยงและควบคุมจุดวิกฤตนอกเหนือจากการปฏิบัติตามโปรแกรมพื้นฐานด้านสุขลักษณะและความเหมาะสมต่อการทำงานการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อ การแยกพื้นที่การผลิต การควบคุมผู้ส่งมอบ การเก็บรักษา ตลอดสายการผลิต
นอกจากนั้นกำหนดให้มีการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบหรือทีมที่พิจารณาว่าอาจมีความเสี่ยงหรือต้องมีมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ โดยขอคำแนะนำจากหน่วยงานที่ดูแลความปลอดภัยด้านอาหารมีการจัดการสุขลักษณะส่วนบุคคลของผู้ปฏิบัติงาน เพื่อลดความเสี่ยงจากผู้ปฏิบัติงานที่จะนำไวรัสปนเปื้อนสู่อาหารและบรรจุภัณฑ์ มีการฝึกอบรมพนักงาน การทบทวนการฝึกอบรมพนักงาน กำหนดให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เช่น หน้ากากอนามัย และถุงมืออย่างเหมาะสม มีการเว้นระยะห่าง จำกัดจำนวนพนักงานที่อยู่ในพื้นที่การผลิต
ลดการปฏิสัมพันธ์ และจัดสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยอย่างเพียงพอรวมถึงการทำความสะอาดพื้นผิวที่มีการสัมผัสบ่อยๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ พนักงานหรือผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับอาหารต้องหมั่นสังเกตตัวเองหากมีอาการบ่งชี้ว่าอาจได้รับเชื้อ ไม่ควรมาทำงาน และดำเนินการตามมาตรการลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“จีน” โต้ข่าว แบน “ทุเรียน” ไทย
“ทุเรียนใต้” ราคาหน้าสวนพุ่ง 170 บาท/กก.
แฉ ทุเรียน “เวียดนาม” สวม GAP ทุเรียนใต้ ขายจีน