"เจมาร์ท" ปิดดีลร่วมทุน KB Kookmin Card ดัน"เจ ฟินเทค"ท็อป 5 ธุรกิจสินเชื่อ 

30 ม.ค. 2564 | 03:39 น.

กลุ่มเจมาร์ท ปิดดีลร่วมทุน KB Kookmin Card โดยเข้าลงทุน 49% ในบริษัท เจ ฟินเทค จำกัด เตรียมต่อยอดธุรกิจการเงินในประเทศไทย ด้วยมูลค่าดีลกว่า 3,450 ล้านบาท 

 
 
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ในฐานะบริษัทโฮลดดิ้งส์มีกลยทุธก์ารลงทุนแบบ Investment Holding Company เปิดเผยถึง ความสำเร็จในบริษัทร่วมลงทุน KB Kookmin Card Co., Ltd บริษัทผู้ให้บริการบตัวเครดิตการด์ และสินเชื่อส่วนบคุคล ซึ่งเป็นบริษัทการเงินรายใหญ่ภายใต้ KB Financial Group จากประเทศเกาหลีใต้ ร่วมลงทุนในบริษัท เจ ฟิน เทค จำกัด (J Fintech) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท ด้วยเงินลงทุน 650 ล้านบาท ซึ่งกระบวนการร่วมทุนดังกล่าวแล้วเสร็จเป็นทีเรียบร้อบแล้วเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา  


ทั้งนี้ KB Kookmin Card จะเข้ามาถือหุ้นใน บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ในสัดส่วน 49% ส่วนบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) คงเหลือถือหุ้น 45.09% และบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอรค์ เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) คงเหลือถือหุ้น 4.92% จากเดิมกลุ่มเจมาร์ทถือหุ้นทั้งหมด 100% นับเป็นความสำเร็จครั้งแรกของธุรกิจการเงินในประเทศไทย ที่มีสถาบันการเงินชั้นนา จากประเทศเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนธุรกิจ การเงินในประเทศไทยในบรษิัท Non-Bank เพื่อขยายฐานลูกค้าและต่อยอดการเติบโตร่วมกัน  
 
 

ทั้งนี้บริษัท เจ ฟินเทค จำกัด ดำเนินธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ทีมีความเข้มแข็งจากการ Synergy ภายใต้Ecosystem ทางการเงินของบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท โดย KB Kookmin Card เตรียมเดินหน้าขยาย ธุรกิจบริการทางการเงินในประเทศไทย  นำเอาระบบเทคโนโลยีในการบริหารทางการเงินที่ทันสมัยมาใช้สนับสนุนให้เจฟินเทคมีต้นทุนทางการเงินในการทางธุรกิจที่ต่ำเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล ให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น ด้วยเป้าหมายเป็นผู้นำ 1 ใน 5 ของธุรกิจสินเชื่อ และ บัตรเครดิตในประเทศไทย 

 
 
ความรว่มมือในครั้งนี้  นอกจากจะส่งผลดีต่อเจฟินเทคแล้วยังสนับสนุนฐานะทางการเงิน ของ JMART ให้แข็งแกร่งขึ้น เนื่องจาก เจมาร์ทจะได้รับเงินกู้ยืมที่ให้กับบริษัทเจฟินเทค คืนจาก KB Kookmin Card  กว่าอีกกว่า 2,800 ล้านบาท ภายในไตรมาส 1/2564 นี้โดยเงินดังกล่าวบริษัทเตรียมความพร้อมในการเป็น Investment Holding Company ที่มองหาโอกาสการลงทุนเพิิ่มเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต  

 

"เรามีความเชี่ยวชาญในธุรกิจค้าปลีกและการเงิน เป็น Investment Holding Company มีธุรกิจที่แตกต่าง โดยเป็นผู้นำในธุรกิจด้านการเงิน ค้าปลีก และเทคโนโลยี ทำให้กลุ่มบริษัทมี Ecosystem ที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจ บริหารหนี้ของ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอรค์ เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) (JMT) ทั้งมีความโดดเด่น เป็นกลุ่ม บริษัทแรกๆ ที่เข้ามารุกตลาดบริหารหนี้จนประสบความสำเร็จ  และปัจจุบันเป็นผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพแบบไม่มีหลักประกันรายใหญ่ของประเทศ  
 

อีกทั้งบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรรายอื่นๆเพิ่มเติมอีก เนื่องจากความโดดเด่นในพลัง Synergy และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจค้าปลีกและการเงินได้อย่างชัดเจน จึงมั่นใจว่า อาจจะได้เห็นความรว่มมือใหม่ๆที่จะสามารถสร้างการเติบโตภายในกลุ่มบริษัทได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต บริษัทฯ วางเป้าหมายปีนีมีกำไรเติบโตตอ่เนื่องอีก 30% จากปีก่อนหน้า โดย เจเอ็มที ซิงเกอร์และ บริษัททย่อยอื่น ๆ ที่จะสร้างกำไรให้กับกลุ่มบรษัทอย่างตอ่เน่ือง" นายอดิศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย.