เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ.2567 ซึ่งเป็นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)จากผู้ให้บริการต่างประเทศ กรณีการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศที่มีรายได้ในประเทศไทย
โดย พ.ร.บ.จะมีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เว้นแต่บทบัญญัติที่มีผลแก้ไขเปลี่ยนแปลงการเสียหรือนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม กำหนดให้ใช้บังคับสำหรับรายรับหรือการจ่ายเงิน ตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 7 ถัดจากเดือนที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือในอีก 6 เดือนข้างหน้า
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หลังกฎหมายลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาจะมีเวลาอีก 180 วัน ก่อนจะมีผลกับการเก็บภาษี โดยกรมคาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2564 นี้ จะมีรายได้เข้ามาก่อนเดือนกันยายน 2564 ซึ่งกรมฯประเมินไว้ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท
"ตอนนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างพูดคุยกับผู้ประกอบการต่าง ๆ เพื่อจัดทำระบบการจ่ายภาษีให้ง่ายที่สุด"
การประเมินตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ ซึ่งได้คาดการณ์รายได้ไว้ที่ 3,000 ล้านบาท เนื่องจากขณะนี้พฤติกรรมผู้บริโภคมีการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ทั้งนี้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากแพลตฟอร์มดิจิทัลจากต่างประเทศ เป็นเรื่องที่หน่วยงานจัดเก็บภาษีทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ เพราะต้องการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศที่ต้องเสียภาษี
ปัจจุบันมีประเทศที่บังคับใช้กฎหมายแล้วกว่า 60 ประเทศ เช่น อเมริกา อังกฤษ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เป็นต้น