ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้รัฐสภามีอำนาจยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ต้องทำประชามติก่อนว่าประชาชนจะยอมให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ทำให้เกิดการตีความว่า การประชุมรัฐสภาในวันที่17มี.ค.นี้ เพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 จะทำได้หรือไม่ เพราะยังไม่มีการทำประชามติสอบถามประชาชน
ทำให้ฝ่ายกฎหมาย สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรียกประชุมด่วนเพื่อหารือถึงคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ในเวลา 17.00 น. มีการถกเถียงกันอย่างเคร่งเครียด โดยฝ่ายกฎหมายเห็นว่า การประชุมลงมติร่างรัฐธรรมนูญ วาระ 3 สามารถดำเนินการต่อไปได้ เพราะขั้นตอนการทำประชามติจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านวาระ 3 เพื่อเตรียมเลือกส.ส.ร.
อย่างไรก็ตาม มีปัญหาสำคัญอยู่ที่มาตรา 5 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่เพิ่งผ่านวาระ 2 ไป ระบุว่า "ในวาระเริ่มแรกให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการรับสมัครการเลือกตั้งส.ส.ร.ภายใน 30 วัน นับจากนี้รัฐธรรมนูญนี้ใช้บังคับ" หมายความว่า หากร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านวาระ 3 และมีผลบังคับใช้ จะต้องตราพระราชกฤษฎีการเลือกตั้งส.ส.ร.ใน 30 วัน โดยที่ยังไม่มีการสอบถามประชามติจากประชาชนจะยินยอมให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
แต่หากมีการตราพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จะผิดเงื่อนไขของศาลรัฐธรรมนูญทันที หรือหากจะจัดให้ทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชน ก็จะมีเวลาแค่ 30 วัน ซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติ จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ฝ่ายกฎหมายยังไม่สามารถหาทางออกได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นนี้มีความพยายามเสนอทางออก อาทิ การยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความต่อถึงแนวปฏิบัติในการทำประชามติอีกครั้ง หรือ ใช้เสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภาลงมติ "ไม่เห็นชอบ" ในวาระ 3 เพื่อให้ร่างดังกล่าวตกไป และเสนอร่างแก้ไขรายมาตราเข้าสู่สภาแทน ซึ่งทั้งหมดยังเป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคลยังไม่ได้ข้อสรุปในประเด็นใดๆ ทั้งสิ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :