>> ปัจจุบันทั่วทั้งโลกมีสินทรัพย์รวมกันในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ เงินสด พันธบัตร หุ้น บริษัทต่างๆ ที่ดิน สินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ รวมไปถึงทรัพยากรในรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย คิดเป็นมูลค่าราวๆ 250 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ปัจจุบันมีเงินสกุลเงินดิจิทัล (Crypto currency) ซึ่งเป็นสินทรัพย์รูปแบบใหม่ก็ได้เข้ามาแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดของสินทรัพย์ทั้งโลกออกไปเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินดิจิทัลสกุล Bitcoin ที่ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดโดยรวมโตขึ้นทะลุ 1 ล้านล้านเหรียญ (0.4% ของสินทรัพย์รวมกันทั้งโลก) โดยล่าสุดราคาวิ่งทะลุ 60,000 เหรียญฯ หรือ 1.85 ล้านบาท ต่อหนึ่งเหรียญ Bitcoin
แน่นอนว่าสินทรัพย์ของทั้งโลกมีความสัมพันธ์กัน เมื่อสินทรัพย์ใดมีความต้องการสูงก็จะทำให้ราคาสูงตามไปด้วย และเมื่อมีเงินไหลเข้าไปที่ตลาดของสินทรัพย์นั้นๆ มันก็หมายความว่าจะต้องเป็นเงินที่ไหลออกมาจากตลาดอื่นอีกตลาดหนึ่งอย่างแน่นอน นั่นจึงทำให้แต่ละตลาดมีการแย่งเม็ดเงินกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งคู่กรณีของ Bitcoin จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากทองคำ เพราะแม้ว่าในปัจจุบัน Bitcoin จะยังไม่สามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างเช่นเงินสด แต่ Bitcoin ก็ถูกสมมุติบทบาทให้เป็นแหล่งเก็บเงินที่ปลอดภัยเพื่อการกระจายความเสี่ยของนักลงทุนจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า Bitcoin กำลังทำตัวเป็นคู่แข่งโดยตรงกับทองคำนั่นเอง ดังนั้นการมูลค่าที่เติบโตของ Bitcoin ย่อมต้องแลกมาด้วยมูลค่าที่หายไปของตลาดทองคำ แม้ว่าในปัจจุบันตลาดทองคำจะมีขนาดใหญ่กว่าตลาด Bitcoin อยู่ถึง 10 เท่า แต่ในทางกลับกันก็หมายความว่าตลาด Bitcoin ยังมีโอกาสโตได้อีกมาก เพราะตลาดทองคำยังมีเงินให้ตลาด Bitcoin ดูดเงินออกมาได้อีกเยอะนั่นเอง
>> นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 63 จนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของ JMART ปรับขึ้นมาถึง 100% แต่การปรับราคาขึ้นมารอบยาวในครั้งนี้กลับไม่ค่อยมีใครพูดถึงตัว JMART เพราะส่วนมากจะพูดถึงบริษัทลูกอย่าง JMTและ SINGER ซะเป็นส่วนใหญ่ อย่างล่าสุด บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่าปรับกำไรของ JMART ในปี 2564-65 ขึ้นเป็น 37% คิดเป็นเงิน 1.2 และ 1.5 พันล้านบาท ในขณที่ JMT จะสามารถส่งต่อกำไรในปี 2564-2565 ให้ JMART ได้อีก 700 และ 850 ล้านบาท ตามลำดับแล้ว ยังมีส่วนแบ่งกำไรของ SINGER คาดในปี 2564-65 จะส่งต่อให้ JMART ได้ราว 180 และ 270 ล้านบาท และยังมี Jay Mart Mobile และ KBJ ที่ทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่อง
เห็นอย่างงี้แล้วจึงไม่แปลกใจว่าทำไมไม่ค่อยมีใครพูดถึง JMART กันตรงๆ และจะพูดถึงบริษัทลูกกันเป็นส่วนใหญ่ นั้นก็เป็นเพราะ JMART มีลูกกตัญญูทำงานให้นั่นเองเจ้าค่า (ฮา)
>> GUNKUL กลายเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่เข้ามาเล่นตรีมฮิตของตลาดฯ อย่างตรีมการทำธุรกิจจากพืชกัญชงกัญชา โดย GUNKUL ระบุว่าบริษัทมีจุดแข็งในเรื่องของพื้นที่ของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศที่มีอยู่จำนวน 2-3 โครงการ ขนาดรวมกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งมีความเหมาะสมในการปลูกและมีแหล่งนํ้าที่เพียงพอสำหรับรองรับพื้นที่การเกษตร โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตในการเพาะปลูกกัญชงบนพื้นที่เฟสแรก 150 ไร่ จากทั้งหมด 2,111 ไร่ พร้อมเตรียมลงทุนสร้างโรงสกัด CBD จากกัญชง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายทั้งในประเทศและตลาดต่างประเทศ และคาดว่าเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้ และหลังจากที่มีข่าวออกไปปรากฏว่าทำให้ราคาหุ้นของ GUNKUL วิ่งขึ้นมาแรงจนสามารถทำระดับราคาสูงที่สุดในรอบปี ซึ่งนั้นก็ทำให้ตรีมฮิตของตลาดฯ ตรีมนี้ยังเชื่อขนมกินได้ว่าใช้ได้ผลจริง จากนี้ก็คงต้องรอดูอีกว่าจะมีบริษัทใดจะออกมาเล่นตรีมกัญชงกัญชาเพื่ออัพราคาหุ้นอีกบ้าง...น่าสนใจจริงๆ เจ้าค่ะ
>> ตั้งแต่หลุดแคชฯ เป็นต้นมา ราคาหุ้นของ DELTA ก็ถูกลากขึ้นแค่วันที่ 11 มีนาคม เพียงวันเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ถ้าจะให้พูดกันจริงๆ นี่คือความผิดปกติของหุ้นตัวซ่าอย่าง DELTA เป็นอย่างมากเลยนะคะ เพราะถ้าหากเป็น DELTA ตัวเดิม ป่านนี้คงลากราคาไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ยังไงก็ตามการติดแคชฯ นานถึง 3 สมัยก็อาจจะทำให้ DELTA รู้แล้วว่าค่าของความซ่ามันมีราคาที่จะต้องจ่ายอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลายเป็นหุ้นที่ทางตลาดฯ เฝ้าจับตามองความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ โอกาสที่จะกลับไปติดแคชฯ นั้นมีอยู่ตลอด และถึงแม้ว่าอาจจะมีการลากราคาเกิดขึ้นจริง...กว่าที่ DELTA จะลากราคา นักเก็งกำไรหลายคนอาจจะต้องขาดทุนจากการเฝ้ารอรอบการลากราคาก็เป็นได้ ก็นอกจากเจ้าแล้ว...ใครจะไปรู้ได้ว่าเมื่อไหร่หละค่ะ ก็หุ้นมันมีแผลแล้วนี่นา
>> ราคาหุ้นของเสือนอนกินอย่าง AOT น่าสนใจมาก เพราะถึงปัจจุบันจะเป็นระดับราคาที่สูงที่สุดในรอบปีของ AOT ไปแล้ว และนอกจากเรื่องของวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่หลายประเทศได้เริ่มฉีดกันไปแล้ว ในประเทศไทยเองก็เริ่มมีการกระจายให้กลุ่มเสี่ยงหลายกลุ่มรวมไปถึงแนวคิดเรื่องการใช้วัคซีนพาสปอร์ตที่จะเข้ามาช่วยปลดล๊อคและคัดกรองผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะทำให้ AOT กลับมามีรายได้ที่แข็งแกร่งสมกับเป็นหุ้นผูกขาดอย่างที่เคยเป็นมา และสำหรับเจ๊เมาธ์หุ้นอย่าง AOT ยังคงเป็นหุ้นดีที่น่ามีเอาไว้ติดพอร์ตอยู่เสมอนะคะ ยิ่งถ้าหากใครหาจังหวะเข้าตอนที่ลดราคานี่ก็ได้ยิ่งดีใหญ่เลยค่ะ