เคลื่อนไหวแล้ว "เพชร โอสถานุเคราะห์" หลังทิ้งหุ้น OSP

31 มี.ค. 2564 | 12:36 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2564 | 05:32 น.

"เพชร โอสถานุเคราะห์" โพสต์เฟชบุ้คส่วนตัว "Petch Osathanugrah"หลังขายหุ้นบิ๊กล็อต OSP 381 ล้านหุ้น โดยแปะลิงค์บทเพลงตัวเอง "ธรรมดา มันเป็นเรื่องธรรมดา"

หลังเกิดรายการบิ๊กล็อต หุ้นบริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)หรือ OSP  จำนวน 763 ล้านหุ้น หรือ 25.39% ของทุนจดทะเบียน ที่ราคาหุ้นละ 33 บาท รวมเป็นเงินกว่า 25,377 ล้านบาทเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564

 

ปรากฎในเวลาต่อมาว่า มาจากผู้ถือหุ้นกลุ่ม Orizon (ครอบครัวโอสถานุเคราะห์) และนายเพชร โอสถานุเคราะห์อีก 381 ล้านหุ้น หรือ 12.7% ของทุนจดทะเบียน มูลค่ากว่า 12,573 ล้านบาท ให้กับนายนิติ โอสถานุเคราะห์ 215 ล้านหุ้น หรือ 7.2% และกลุ่มนักลงทุนอื่น 166 ล้านหุ้น หรือ 5.5% 5.5% ของทุนจดทะเบียน  ส่งผลให้นายนิติ โอสถานุเคราะห์ มีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มจาก 16.65% เป็น 23.8% จาก 16.65% และกลุ่ม Orizon ถือหุ้นลดลงจาก 27.75% เหลือเพียง 15.06%  

 

ขณะเดียวกัน OSP ได้ชี้แจงว่า การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ เนื่องจากบริษัท มีความสนใจที่จะอุทิศทรัพยากรของตนไปใช้ในโครงการอื่นๆ ซึ่งมุ่งหมายไปที่โครงการด้านศิลปะวัฒนธรรมและการศึกษาให้มากขึ้น  เพื่อจะได้ช่วยวางรากฐานของวงการศิลปะ วัฒนธรรม และการศึกษาของประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้า จึงมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการสนับสนุน

 

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างคณะกรรมการบริษัท โครงสร้างการจัดการ และนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด บริษัทยังคงดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อขยายธุรกิจให้แข็งแกร่งและมั่นคงในประเทศไทยและในภูมิภาค สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

การขายหุ้นของนายเพชรและ Orizon ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้า เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 ครอบครอบครัวโอสถานุเคราะห์ 3 ราย และ Orizon Limited ได้ขายหุ้น OSP ในสัดส่วน 3% ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 27.69% จากเดิมถือ 30.69% นายเพชร ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร OSP ได้แจ้งตลท.ว่า จะนำเงินไปใช้ด้านโครงการด้านศิลปะ วัฒนธรรม และการศึกษา เพื่อการสร้างรากฐานของประเทศ

 

“ทางครอบครัวมีโครงการต่างๆ ทีได้ไตร่ตรองมานานแล้วคือ โครงการด้านศิลปะวัฒนธรรม และด้านการศึกษา จึงต้องใช้งบประมาณสนับสนุนสูงเกินกว่าที่ครอบครัวเราจะทำได้  ดังนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องทำการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของการลงทุน โดยการขายหุ้นบางส่วนในบริษัท”นายเพชรระบุ

ภายหลังการขายหุ้นดังกล่าว นายเพชรได้ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 ต่อมาที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563 โดยมีนายสุรินทร์ โอสถานุเคราะห์ เป็นประธานกรรมการมีมติให้ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการใหม่ เพื่อเสริมศักยภาพทางธุรกิจ ให้เกิดความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

 

ในการปรับโครงสร้างดังกล่าว นายเพชร จะขึ้นมาดำรงตำแหน่ง รองประธานกรรมการ และมอบหมายให้ นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ ผู้บริหารที่มีประสบความสำเร็จในวงการธุรกิจที่ผ่านงานกับบริษัทไทยและบริษัทข้ามชาติกว่า 40 ปีมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร

 

สำหรับตำแหน่ง CEO ได้แต่งตั้งให้ นายธนา ไชยประสิทธิ์ หนึ่งในผู้บริหารรุ่นที่สี่ของตระกูลโอสถานุเคราะห์ ขึ้นเป็นรักษาการ CEO โดยเป็นคณะกรรมการบริหารร่วมงานกับโอสถสภามานานกว่า 30 ปี เป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ครอบคลุมในทุกธุรกิจของบริษัท เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์และใกล้ชิดกับพนักงานทุกระดับ

 

นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งให้นายธัชรินทร์ โอสถานุเคราะห์ ขึ้นมาเป็นรองประธานคณะกรรมการบริหารร่วมกับคณะกรรมการในชุดนี้ด้วย และนายสลิล ปิ่นขยัน เป็นประธานคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง

เคลื่อนไหวแล้ว \"เพชร  โอสถานุเคราะห์\" หลังทิ้งหุ้น OSP

ภายหลังการขายบิ๊กล็อตครั้งนี้ จึงถูกจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า การเคลื่อนไหวของนายเพชรหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ซึ่งนายเพชร ซึ่งถือว่าเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านเพชบุ้คส่วนตัว "Petch Osathanugrah" โดยแปะลิงค์บทเพลง "ธรรมดา มันเป็นเรื่องธรรมดา" ซึ่งเป็นบทเพลงที่นายเพชรร้อง และวางขายเมื่อปีพ.ศ.2560

 

จะเป็นการสื่อถึงกระแสข่าวที่กำลังถูกวิพากวิจารณ์นี้อยู่หรือไม่ ก็ยังไม่แน่ชัด