วันนี้ (6 เม.ย.64) ตามที่ พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลา ได้มีหนังสือแจ้งไปยังนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เกี่ยวกับการดำเนินการสอบสวนและเห็นควรสั่งฟ้อง บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดยนายอิทธิพล ดวงเดือน ในฐานะนิติบุคคลผู้ต้องหาที่ 1 นายอิทธิพล ดวงเดือน ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 2 และ นางสาวศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 3
ในความผิดฐาน ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์จะให้ประโยชน์แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือโดยกีดกันมิให้มีการเสนอสินค้า หรือบริการอื่นต่อหน่วยงานรัฐ หรือโดยการเอาเปรียบหน่วยงานรัฐอันมิใช่เป็นไปในทางการประกอบธุรกิจปกติ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 264 และ 268 และตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4, 14(2) และ มาตรา 14 วรรคสาม
โดย พ.ต.อ.ภูวรา แก้วพารัตน์ ผู้กำกับ สภ.เมืองสงขลา ยืนยันว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกไปยังผู้ต้องหาทั้ง 2 รายข้างต้นแล้ว ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา แต่ผู้ต้องหามิได้มาตามหมายเรียกมีเพียงหนังสือแจ้ง พร้อมใบรับรองแพทย์เพื่อขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนเนื่องจากมีอาการป่วย ซึ่งโดยกระบวนการต่อจากนี้ จะมีการออกหมายเรียกอีก 2 ครั้ง หากผู้ต้องหามิได้มาพบพนักงานสอบสวน ก็จะออกหมายจับต่อไป
ด้าน นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีและโฆษกอัยการปราบปรามทุจริตภาค 9 ได้ให้ความเห็นว่า ทราบว่าจะมีการส่งสำนวนเรื่องเกี่ยวกับการปลอมเอกสารเกี่ยวการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งสำนวนนั้นจะไม่เกี่ยวกับการปราบปรามทุจริตภาค 9 เพราะว่าทางเรารับสำนวนจากที่ ป.ป.ช.ไต่สวนมา และส่งสำนวนมาให้อัยการพิจารณา
ส่วนเรื่องที่กำลังจะส่งอีกสำนวนเป็นการกล่าวหาเกี่ยวกับกระบวนการปลอมเอกสาร ซึ่งไม่ได้อยู่ในสำนวนทุจริต แต่ในส่วนของอัยการปราบปรามทุจริตฯ ภาค 9 สำนวนทำเสร็จแล้วและอธิบดีฯ ได้ลงนามและกราบเรียนไปยังอัยการสูงสูดที่กรุงเทพฯ แล้ว เป็นอำนาจของท่านอัยการสูงสุดสั่งการ
เมื่อถามถึงความเชื่อมโยงระหว่างสำนวนที่มีการฮั้วประมูลและปลอมเอกสารกับคดีของนายนิพนธ์ บุญญามณี ที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไว้แล้วนั้น นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า ในตอนไต่สวนที่ ป.ป.ช. ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาสามารถที่จะชี้แจงและส่งให้ ป.ป.ช.ได้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะแยกสำนวนได้ และเป็นคนละการกระทำกัน
นายโกศลวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ผู้ถูกกล่าวหาในสำนวน ป.ป.ช.ก็สามารถหยิบยกเรื่องการปลอมเอกสารและฮั้วประมูลให้ ป.ป.ช.ขึ้นพิจารณาในชั้นไต่สวนตั้งแต่ต้นได้อยู่แล้ว หรือนำมาใช้ต่อสู้ในชั้นศาล หากสำนวนนี้มีการนำเข้าสู่ศาลสามารถจะนำไปต่อสู้ต่อได้
ในกรณีนี้มีความเชื่อมโยงกับสำนวนที่ยังคงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. ที่มีมติชี้มูลความผิด นายนิพนธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา (ปัจจุบันเป็น รมช.มหาดไทย) กรณีละเลยต่อการปฏิบัติหน้าที่ มิได้อนุมัติงบประมาณเบิกจ่ายเงินให้กับบริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด เป็นค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ 2 คัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 50,850,000 บาท ทำสัญญาซื้อขายกันเมื่อวันที่ 31 พ.ค. 2556 ซึ่งขณะนี้สำนวนได้มีการพิจารณาของสำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 9 และส่งความเห็นไปยังสำนักอัยการสูงสุดเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม หาก ป.ป.ช.มีการหยิบยกสำนวนในคดีร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ตกลงร่วมกันในการเสนอราคา ของ บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด โดย นายอิทธิพล ดวงเดือน และ นางสาวศศิธร ตั้งตรงคิด กรรมการบริษัท เอส พี เค ออโต้เทค จำกัด มาพิจารณา หรือแม้ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ได้มีการโต้แย้งและหยิบยกเรื่องนี้มาใช้ในการต่อสู่ในชั้นศาล ก็มีโอกาสส่อแววว่าคดีนี้อาจจะพลิกก็เป็นได้