นางสาวกนกวลัญช์ดา แสนแก้ว รองเลขาธิการ หอการค้าจังหวัดตาก และ ผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังส่งออกไปด้านจังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตรงข้าม ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า หลังจากที่ทางการ เมียนมา ได้ออก มาตรการห้ามสินค้าเครื่องดื่ม 5 รายการจากไทย ประกอบด้วย เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำหวานต่าง ๆ กาแฟพร้อมดื่ม น้ำผลไม้พร้อมดื่ม กาแฟสำเร็จรูป นมข้นหวาน และนมสด เข้าประเทศผ่านด่านทางบก หรือทาง ด่านชายแดนไทย-เมียนมา ทั้งหมด รวมทั้งชายแดนจังหวัดตาก ทำให้ผู้ประกอบการส่งสินค้าประเภทเครื่องดื่มไปประเทศเมียนมาได้รับความเดือดร้อน เช่นเดียวกับลูกค้าชาวเมียนมาที่เคยสั่งนำเข้าสินค้าเครื่องดื่มไปจำหน่าย ก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน
เนื่องจากหากต้องส่งสินค้าไปทางแหลมฉบังหรือทางทะเล ต้องใช้เวลาร่วม 1 สัปดาห์ และค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก ก็จะทำให้สินค้าแพงไปด้วย ขณะที่การส่งสินค้าทางชายแดนใช้เวลาเพียง 1 วัน ก็ถึงเมืองย่างกุ้ง และสามารถกระจายไปตามหัวเมืองและจังหวัดต่าง ๆ ได้ทันที
รองเลขาธิการหอการค้าจังหวัดตาก กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากให้รัฐบาลช่วยเจรจากับรัฐบาลเมียนมา เพื่อขอผ่อนปรนให้ส่งทางชายแดนได้ตามปกติ เพราะลูกค้าชาวเมียนมาต้องการสินค้าประเภทนี้มาก และมาตรการดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกได้รับความเดือดร้อน และชาวเมียนมากก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน
ทั้งนี้ กรมการค้า กระทรวงเศรษฐกิจและพาณิชย์ ประเทศเมียนมา มีหนังสือถึงถึงศุลกากรจังหวัดเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป ห้ามสินค้าประเภทเครื่องดื่ม รวม 5 รายการ ผ่านชายแดนทั้งหมด ทำให้พ่อค้าชายแดนที่รับคำสั่งซื้อเครื่องดื่มจากไทยที่ต้องส่งผ่านด่านเข้าไปในเมียนมา ไม่สามารถส่งให้ได้อีก โดยมีสินค้าตกค้างจำนวนมาก
ไทยส่งออกไปเมียนมาในปี 2563 เป็นมูลค่า 87,090 ล้านบาท โดยเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เป็นหมวดสินค้าที่ส่งออกไปเมียนมาเป็นสัดส่วนสูงสุด 8.03 % หรือคิดเป็น 6,993.33 ล้านบาท โดยการค้าไทย-เมียนมาที่ผ่านมาด่านแม่สอดมากที่สุด คิดเป็น 45.21 % หรือเกือบครึ่งของปริมาณการค้ากับเมียนมาทั้งหมด
หน้า 17 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,678 วันที่ 13 - 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง