thansettakij
Cloud 11 เปิดเทรนด์ Creators คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก

Cloud 11 เปิดเทรนด์ Creators คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก

22 มี.ค. 2568 | 03:21 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มี.ค. 2568 | 04:32 น.

Cloud 11 จับมือพันธมิตร เผยเทรนด์ Creators ภายในปี 2035 ชี้คนไทยใช้เวลาในโลกออนไลน์มากกว่า 7 ชั่วโมง ดันยกระดับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยไปสู่ระดับโลก

Cloud 11 (คลาวด์ อีเลฟเว่น) A Creative Curation Destination for Creativity of All Kinds พื้นที่ความคิดสร้างสรรค์สำหรับทุกคน โดย MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ตอกย้ำแนวคิด ‘Empowering Creators’ มุ่งมั่นส่งเสริมศักยภาพครีเอเตอร์ ตลอดจนยกระดับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทยไปสู่ระดับแนวหน้าของโลก ร่วมกับ ทรู ดิจิทัล พาร์คและพันธมิตรครีเอเตอร์ไทยในหลากหลายวงการทั้งภาพยนตร์ ละครและซีรีส์ ดนตรี เกม และศิลปะที่ดังไกลระดับโลก 

อาทิ Tellscore, สถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS), FutureTales Lab / LOVEiS / YUPP! Entertainment, บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เผยเทรนด์อนาคตของผู้ผลิต Content ในประเทศไทยภายในปี 2035 หรือ พ.ศ.2578 พร้อมแลกเปลี่ยนแนวทางการสร้างจุดยืนของคอนเทนต์กลิ่นอายไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าครีเอเตอร์สัญชาติไทย ที่อยากจะพาผลงานก้าวไปไกลสู่สายตาชาวโลก ผ่านกิจกรรมเสวนา ‘Creators 2035: Globalike Thai Content วันที่คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก’ ในเทศกาล Bangkok Design Week 2025 ที่ผ่านมา 

Cloud 11 เปิดเทรนด์ Creators คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก

โดย "สุวิตา จรัญวงศ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง Tellscore "ดร. เจนนิเฟอร์ ชวโนวานิช" ผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิต (TIMS) "วิพัตรา โตเต็มโชคชัยการ" นักวิจัยด้านการคาดการณ์อนาคตอาวุโส FutureTales LAB by MQDC กล่าวว่า ตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มีอัตราการเติบโตต่อปีเฉลี่ย 20-30% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

คนไทยใช้เวลาในโลกออนไลน์มากกว่า 7 ชั่วโมง

สำหรับวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยมีโอกาสในการเติบโตมาก เนื่องจากคนไทยมีพฤติกรรมใช้เวลาในโลกออนไลน์สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก เฉลี่ยอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 25 นาทีต่อวัน และมีข้อมูลการใช้ Social Media ถึง 71.5% สูงกว่าทั่วโลกที่ใช้เพียง 63.9% (อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยของ Global WebIndex เดือนกุมภาพันธ์ 2025) ในขณะเดียวกันแบรนด์ยังคงเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์เป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดหลัก ส่งผลให้ในปี 2567 ที่ผ่านมา ตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในไทย ประมาณการณ์มูลค่าไว้สูงถึง 4.5 หมืนล้านบาท 

Cloud 11 เปิดเทรนด์ Creators คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก

ขณะที่ปัจจุบันมี Megatrends (แรงผลักดันขนาดใหญ่) ที่ส่งผลต่อการผลิตเนื้อหาและส่งผลกระทบต่ออนาคตวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่น่าสนใจ 4 ประเด็น ประกอบด้วย 

  1. เทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น โลกเสมือน หรือ AI ได้เปิดโอกาสให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์ขยายขีดความสามารถในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ อย่างไรก็ตาม ครีเอเตอร์ควรต้องคำนึงถึงขอบจำกัด ลิขสิทธิ์และข้อมูลที่ถูกต้องของเนื้อหาที่นำเสนอ 
  2. คุณภาพของสื่อ แพลตฟอร์มและภาครัฐพยายามเข้ามาควบคุมและกำกับดูแลมากขึ้นจากปัญหาเฟคนิวส์หรือการสร้างสื่อที่นำเสนอข้อมูลเท็จ รวมทั้งสื่อที่ผิดลิขสิทธิ์ 
  3. Creator as Mainstream Media ปัจจุบันผู้บริโภคเชื่อใจและอยากฟังความคิดเห็นของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ทำให้คอนเทนต์ครีเอเตอร์มีส่วนร่วมในสื่อกระแสหลักมากขึ้น และ 
  4. ค่านิยมในสังคม ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์สื่อที่มีประโยชน์ให้กับสังคม สิ่งแวดล้อม และช่วยให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

ส่วนอนาคตของวงการจะดีหรือไม่นั้น ขึ้นกับปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ความก้าวหน้าและพลวัตทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยี (Technological Advancement) การกํากับดูแลดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform Governance) การคุ้มครองกํากับดูแลอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Content Creator Industry Governance) การสร้างรายได้และความสามารถในการปรับตัวทางธุรกิจของครีเอเตอร์ (Monetization and Business Opportunities) ค่านิยม

ตลอดจนพฤติกรรมในการรับชมเนื้อหาของผู้คน (Values in Content Consumption) และศักยภาพทางวิชาชีพ ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่และความสร้างสรรค์ของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ (Content Creators’ Skills and Creativity) ซึ่งเกิดจากการขับเคลื่อนร่วมกันของทุกภาคส่วนในวงการ ครีเอเตอร์ต้องเรียนรู้ เตรียมตัว และปรับตัวอยู่เสมอ

โดยสิ่งที่จะทำให้ครีเอเตอร์ประสบความสำเร็จและสามารถอยู่รอดได้ในระยะยาวคือความจริงใจและการคำนึงถึงความรู้สึกของผู้เสพสื่อ งานวิจัยจำนวนมากระบุว่าการสร้างสื่อที่เน้นความไวรัลหรือดึงดูดความสนใจอาจช่วยให้ประสบความสำเร็จในระยะสั้น แต่สิ่งที่คนดูต้องการคือความจริงใจ ซึ่งจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมระหว่างครีเอเตอร์กับคนดู (Engagement) และหากครีเอเตอร์สามารถนำเสนอตัวตนและเอกลักษณ์ด้วยความจริงใจได้ ก็จะทำให้เกิดความแตกต่างโดดเด่นและสามารถมีจุดยืนในวงการได้

Cloud 11 เปิดเทรนด์ Creators คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก

ภาพยนตร์-ละคร-ซีรีย์ไทย ไปสู่ระดับโลก 

"ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล" ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ด้านภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และแอนิเมชัน "ฐานิกา เจนเจษฎา" ผู้กำกับภาพยนตร์เเละซีรีย์ "เอกลักญ กรรณศรณ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง BrandThink Cinema

กล่าวว่า กระแสของภาพยนตร์ไทยกำลังมาแรง โดยในปี 2024 ที่ผ่านมา จำนวนภาพยนตร์ไทยมีการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 15% และยังเป็นปีแรกที่มีภาพยนตร์ไทยได้รายได้มากกว่า 100 ล้านบาทถึง 7 เรื่อง ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจุบันโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค Post Modernism ที่คนต้องการเสพเนื้อหาที่มีความหลากหลายของเชื้อชาติและวัฒนธรรม จึงทำให้ภาพยนตร์ไทยที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวความซับซ้อนและหลากหลายของความเป็นไทยแบบตรงไปตรงมาได้รับความนิยม

ในขณะเดียวกัน ละครและซีรีส์ไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ทฤษฎีและแนวคิดต่างๆ ในการผลิตซีรีส์มีการเปลี่ยนแปลง หรือเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาตัวเอง ทำให้เกิดเป็นผลงานที่มีความแปลกใหม่มากขึ้น ตลาดซีรีส์ Boy Love/ Girl Love เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก ออกอากาศถึง 78 เรื่องในช่วงปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมี 100 – 120 เรื่องในปีนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นความท้าทายใหม่ๆ ของวงการ 

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการสร้างสรรค์ผลงานและขับเคลื่อนให้ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ไทยไปสู่ระดับโลกได้ คือ ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) ที่ยังต้องสามารถตอบโจทย์ในแง่การตลาด (Marketing) ได้ด้วย การหาสมดุลย์ของทั้งสองอย่างนี้จึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่งของเหล่าผู้ผลิตคอนเทนต์

Cloud 11 เปิดเทรนด์ Creators คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก

สิ่งสำคัญที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย รวมถึงละคร และซีรีส์ไทยให้เติบโตและไปได้ไกลคือ ระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ที่ดี ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง ซึ่งปัจจุบันภาครัฐก็พยายามผลักดันวงการภาพยนตร์ให้เกิดโครงสร้างที่จำเป็น เช่น Micro Cinema หรือการสนับสนุนคนทำงาน ผู้สร้าง นักวิจารณ์ คนดู สร้างพื้นที่ที่จะมีศิลปวิจักษ์ ภาพยนตร์วิจักษ์ หรือพื้นที่ที่จะมีการเเลกเปลี่ยนความเห็นทางศิลปะเเละภาพยนตร์

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ยังมีอยู่ค่อนข้างน้อย และยังมีเพียงโครงสร้างที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของอุตสาหกรรม แต่ยังขาดโครงสร้างที่จำเป็นต่อการเติบโต ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะมีโครงสร้างที่จำเป็นต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ยังขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และการปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศด้วย 

"ดนัย ธงสินธุศักดิ์" ผู้บริหารค่าย LOVEiS เเละ Juicey "พลกฤต ศรีสมุทร" ผู้บริหาร YUPP! Entertainment "ชลากรณ์ ปัญญาโฉม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานดิจิทัล บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารค่ายเพลง XOXO Entertainment บริษัท ทีป๊อป อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (บริษัทในเครือเวิร์คพอยท์ กรุ๊ป) กล่าวว่า

ปัจจุบันวงการเพลงไทยมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในแง่ของแนวเพลง และคนทำเพลง รวมถึงปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี ทำให้เกิดเป็นมิติใหม่ของวงการที่มีความสนุกกว่าในอดีต และเนื่องจากคนฟังเพลงเปิดรับเพลงในรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น วงการเพลงไทยจึงมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีขึ้น คนทำเพลงมีการร่วมมือกัน (Collab) เพื่อแลกคอนเทนต์ แลกฐานแฟนคลับเพื่อให้เติบโตไปด้วยกัน 

วงการเพลงไทยในปัจจุบันกำลังเป็นที่จับตามองของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2-3 ปีต่อจากนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ไวบ์ (Vibe) ของเพลงไทยกำลังมา ศิลปินไทยมีโอกาสได้ไปแสดงผลงานในระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น หากในช่วง 2-3 ปีนี้วงการเพลงไทยสามารถต่อยอดและไปแสดงผลงานในระดับโลกได้อย่างต่อเนื่อง ก็จะช่วยจุดกระแสความนิยมเพลงไทยในวงการเพลงโลกได้

ทุกวันนี้การทำเพลงไม่ใช่การทำแค่เพลง แต่เป็นการทำคอนเทนต์ที่แข่งขันกันบนโลกอินเตอร์เน็ตที่ทุกคนสามารถเข้าถึงเพลงจากศิลปินทั่วโลกทั้งจากบนสตรีมมิ่ง หรือแพลตฟอร์มต่างๆ มากมาย ปัจจุบันเพลงเกาหลี จีน สากล สามารถขึ้นชาร์ตในไทยได้ตลอด ในขณะเดียวกันเพลงไทยก็ไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาไทยทั้งเพลง การทำเพลงจึงไม่ใช่การแข่งขันแค่ในประเทศอีกต่อไปแต่เป็นการแข่งขันกับวงการเพลงโลก การจะอยู่ในตลาดนี้และได้เวลาจากคนฟังเพลงจึงเป็นความท้าทายและความสนุกของวงการเพลง

สิ่งสำคัญคือการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพและโดดเด่นแตกต่างจากคนอื่นๆ เพื่อช่วยเติมช่องว่างให้ชีวิตคนฟัง การทำเพลงให้ประสบความสำเร็จจึงไม่ได้มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวแต่ต้องทำให้ดีที่สุดและโดนใจคนฟัง ต้องเริ่มจากความชอบและความรักในสิ่งที่ทำ ตั้งใจทำให้เต็มที่ รู้ให้ลึกในสิ่งที่จะทำ โดยต้องไม่ลืมที่จะมองเพื่อนบ้าน มองโลกปัจจุบัน

รวมถึงกระแสความสนใจของคนด้วย โลกอินเตอร์เน็ตอาจจะทำให้การแข่งขันในวงการเพลงมีความเข้มข้นและดุเดือด แต่ก็มีข้อดีที่ทำให้เพลงที่อาจจะเก่าแล้ว สามารถกลับมาฮิตใหม่ได้อยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับจังหวะและความสนใจของผู้ฟังในช่วงเวลานั้นๆ
Cloud 11 เปิดเทรนด์ Creators คอนเทนต์ไทยจับใจคนทั่วโลก

"เนนิน อนันต์บัญชาชัย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Extend Interactive บริษัทพัฒนาเกมสัญชาติไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีคนไทยที่เล่นเกมมากกว่า 32 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี โดยในปี 2023 อุตสาหกรรมเกมมีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 34,556 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78% ของอุตสาหกรรม Digital Content โดยรวม แสดงให้เห็นว่าตลาดเกมในประเทศไทยมีความแข็งแรง และมีแนวโน้มการเติบโตอยู่เสมอ 

โดยเกมแนวสยองขวัญ (Horror) เอาตัวรอด (Survival) เกมอินดี้ รวมถึงซอฟพาวเวอร์ของไทยอย่างเกมแนว Y Love Story ถือได้ว่าเป็นแนวเกมที่คนไทยสามารถทำได้ดี และเป็นโอกาสของผู้พัฒนาเกมไทย ดังนั้น เชื่อว่าในอีก 10 ข้างหน้า วงการเกมในไทยก็จะยิ่งเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการสร้างสรรค์เกมที่มีความแตกต่าง และมีความคิดสร้างสรรค์ ผสานกับการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้

ด้าน "จาซมี เจ๊ะแต" ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์เเละผู้ก่อตั้ง Yellaban - Creative Media Studio สัญชาติไทย กล่าวว่า เนื้อหาและคอนเทนต์ หรือการแข่งขันทางไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ คือสิ่งที่จะทำให้ผลงานมีความโดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งความเป็นไทยถือได้ว่าเป็นคอนเทนต์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความแข็งแรงที่ไม่เหมือนใคร ปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในวงการสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น จะเห็นได้จากงานนิทรรศการและงานจัดแสดงผลงานต่างๆ ที่มีความหลากหลายและถูกพัฒนาต่อยอดจากงานศิลปะในอดีต

ดังนั้น หากครีเอเตอร์สามารถนำความเป็นไทยมาผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ และเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ลงไป ก็จะกลายเป็นผลงานที่มีความแปลกใหม่ ไม่มีเหมือนใคร หรือจะเรียกได้ว่าเป็น Original Thai Content ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสามารถต่อยอดและไปต่อได้อีกไกล