หัวอกลูกสาว ในธุรกิจครอบครัว

22 พ.ค. 2564 | 22:05 น.
อัปเดตล่าสุด :23 พ.ค. 2564 | 09:03 น.

บิสิเนส แบ็กสเตจ รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล คณบดีคณะวิทยพัฒน์และผู้อำนวยการศูนย์ธุรกิจครอบครัว มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  [email protected]

ความเชื่อและวัฒนธรรมในบางประเทศมองผู้หญิงว่าเป็นผู้ดูแลความต้องการทางอารมณ์ของครอบครัว ประสานให้ครอบครัวอยู่ด้วยกัน ทำให้ค่านิยมและประเพณีของครอบครัวคงอยู่ไปสู่คนรุ่นต่อไป โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงมักต้องการความร่วมมือและการสื่อสารมากกว่าผู้ชาย และได้รับการเลี้ยงดูให้มีความอ่อนไหวต่อความต้องการของผู้อื่นและเข้าสังคมมากกว่าในฐานะแม่ ผู้รักษาความสงบและผู้ดูแล ทำให้บทบาทและแนวปฏิบัติทางธุรกิจของสมาชิกครอบครัวผู้หญิงกับสมาชิกผู้ชายในครอบครัวแตกต่างกัน 

บางครอบครัวที่อนุรักษ์นิยมผู้หญิงอาจจะยังไม่ได้รับโอกาสเดียวกันในการมีส่วนร่วมในธุรกิจด้วยการรับตำแหน่งผู้นำที่สำคัญทั้งในธุรกิจและในครอบครัว แม้จะมีงานวิจัยหลายชิ้นที่พิสูจน์แล้วว่าการมีผู้หญิงอยู่ในตำแหน่งผู้บริหารและคณะกรรมการบริษัทจะนำไปสู่ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเนื่องจากมีการกำกับดูแลและประสิทธิผลที่เหนือกว่า และผู้หญิงทำงานเป็นทีมได้ดี บางงานวิจัยพบว่าผู้นำที่เป็นผู้หญิงพาองค์กรฝ่าวิกฤติไปได้ดีกว่าผู้นำที่เป็นผู้ชายอีกด้วย 

แม้ธุรกิจครอบครัวซึ่งเป็นมรดกอาจตกทอดมาถึงทายาทผู้หญิง แต่ทายาทผู้หญิงมากมายทั่วโลกยังคงแบกรับความรับผิดชอบหลักในฐานะผู้ดูแลครอบครัวและบ้านของตนเอาไว้ อีกทั้งยังต้องเผชิญกับความยุ่งยากจากพ่อแม่ พี่น้องหรือพนักงานที่ยังคลางแคลงใจต้องการให้พิสูจน์ความสามารถและการประสบความสำเร็จในการบริหารและการเป็นผู้นำธุรกิจของพวกเธอ และเช่นเดียวกับผู้หญิงในธุรกิจทั่วไปที่ไม่ใช่ธุรกิจครอบครัว 

หัวอกลูกสาว ในธุรกิจครอบครัว

ผู้หญิงในธุรกิจครอบครัวต้องการเครือข่ายที่แข็งแกร่งซึ่งไม่ถูกครอบงำโดยอิทธิพลของครอบครัว ตลอดจนการให้คำปรึกษาและคำแนะนำเพื่อให้พวกเธอประสบความสำเร็จในการเป็นผู้บริหารและผู้นำ แต่กระนั้นผู้หญิงก็มีความท้าทายในเรื่องของการสร้างเครือข่าย ขณะที่ผู้ชายมักไปเล่นกอล์ฟหรือดื่มหลังเลิกงานเพื่อติดต่อกัน แต่ผู้หญิงมักจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อดูแลลูกๆ และเตรียมอาหารเย็น
 

ดังนั้นการสร้างเครือข่ายจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิงและมักจะทำได้ไม่ดีนัก นอกจากนี้ผู้นำหญิงในปัจจุบันยังเน้นว่าพวกเธอมีภาระหน้าที่ในการส่งต่ออำนาจให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ และตระหนักถึงภาระที่ผู้หญิงคนอื่นแบกไว้เนื่องด้วยความเชื่อและการกระทำที่ล้าสมัย อีกทั้งเนื่องจากในสมัยก่อนผู้หญิงมักจะอิจฉากันและไม่ได้ร่วมยินดีในความสำเร็จของกันและกัน 

แต่ปัจจุบันกระแสกำลังเปลี่ยนไปและความต้องการแข่งขันกำลังจะหมดไปเช่นกัน สำหรับผู้นำครอบครัวหญิงรุ่นใหม่ การรับรู้และยินดีในความพยายามของผู้หญิงในรุ่นก่อนพวกเธอถือเป็นสิ่งสำคัญ ผู้หญิงที่สนับสนุนผู้หญิงด้วยกันจะเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในยุคต่อไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงความคิดและความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งขึ้นของผู้หญิงในการเสริมพลังซึ่งกันและกัน

ผู้หญิงในธุรกิจครอบครัวต้องพบกับโอกาสและความท้าทายในการจัดการปัญหาในธุรกิจเช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว อีกทั้งยังสามารถนำทักษะและมุมมองที่แตกต่างเข้ามาในธุรกิจอีกด้วย อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องปรับความคิดใหม่เกี่ยวกับผู้นำหญิงในธุรกิจครอบครัว 

โดย Karmen Yeung จาก KPMG China สรุปว่าข้อเสียของผู้หญิงในธุรกิจครอบครัว ได้แก่ เส้นแบ่งที่ไม่ชัดเจนระหว่างงานและชีวิต ความคาดหวังที่จะให้อุทิศชีวิตเพื่อธุรกิจ และอาหารมื้อค่ำของครอบครัวที่จะกลายเป็นที่พูดคุยเรื่องธุรกิจซึ่งหลีกเลี่ยงได้ยาก อีกทั้งผู้หญิงยังต้องการทักษะ เครื่องมือและโอกาสในการเพิ่มทัศนวิสัยให้กว้างขวางขึ้น ประเทศต่างๆ หันมาให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันมากขึ้นมีการออกฎหมายและมาตรการกำกับดูแลกิจการที่จะสามารถเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ของผู้หญิงและการพัฒนาแนวทางสำหรับผู้นำหญิงในอนาคตได้

หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,681 วันที่ 23 - 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :