กลุ่มเอ็กซอนโมบิล หารือ”สุริยะ” ถามหาความชัดเจน จัดหาพื้นที่ตั้งโรงงานปิโตรเคมี 3 แสนล้านบาท บริเวณแหลมฉบัง ขีดเส้นตายให้ถึงสิ้นปีนี้ ไม่ได้ย้ายการลงทุนไปเวียดนามและจีนแทน
มีรายงานข่าวจากระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วันนี้( 23 กันยายน 2562) นายเจเรมี โรเบิร์ต ออสเตอร์สต๊อก ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในเครือเอ็กซอน โมบิล ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของอสหรัฐอเมริกา ได้เข้าพบนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อหารือถึงความคืบหน้าในการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี มูลค่าลงทุนราว 3 แสนล้านบาท บริเวณแหลมฉบัง จังหวัดชลุบรี หลังจากที่ได้มีการหารือกับนายสุริยะไปก่อนหน้านี้แล้วช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
ทั้งนี้ ทางกลุ่มเอ็กซอน โมบิล ยืนยันว่าจะลงทุนตั้งโรงงานปิโตรเคมี บนเงื่อนไขที่ต้องอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ที่ศรีราชา เพื่อนำวัตถุดิบจากโรงกลั่นป้อนให้กับโรงงานปิโตรเคมี โดยมีการขีดเส้นตายว่า หากรัฐบาลไทยไม่สามารถจัดหาพื้นที่ก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมีขนาดพื้นที่ 1 พันไร่ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ก็มีแนวโน้มว่าจะต้องย้ายการลทุนไปประเทศเวียดนามหรือจีนแทน เนื่องจากในช่วงต้นปี 2563 จะมีการทบทวนแผนการลงทุนของกลุ่มเอ็กซอนโมบิลทั่วโลก หากไทยไม่มีความชัดเจนในการจัดหาพื้นที่ โดยเฉพาะการถมทะเลที่อยู่บริเวณท่าเรือของเอสโซ่ ก็จำเป็นต้องตัดสินใจไปลงทุนประเทศอื่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาระยะเวลาที่กลุ่มเอ็กโซอนโมบิล ยื่นเงื่อนไขของระยะเวลามานั้น โดยเฉพาะการถมทะเลบริเวณแหลมฉบังนั้น ทางการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบในเรื่องนี้ เพิ่งได้ว่าจ้างสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ไปดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการถมทะเลในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อต้นเดือนกันยายน ที่ผ่านมา โดยจะใช้ระยะเวลาศึกษา 6 เดือน และต้องทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(อีเอชไอเอ)
ดังนั้น จึงไม่มีความเป็นไปได้ที่ผลการศึกษาจะแล้วเสร็จทันตามที่กลุ่มเอ็กซอนโมบิล กำหนดไว้ ประกอบกับพื้นที่บนฝั่งบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ ได้ถูกใช้ประโยชน์จนเต็มศักยภาพแล้ว การจะหาพื้นที่ขนาดใหญ่ตามที่กลุ่มเอ็กซอนโมบิลต้องการนั้น จึงเป็นเรื่องยาก