นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ทูตพาณิชย์กัมพูชา ได้ทำการสำรวจแนวโน้มความต้องการของตลาดกัมพูชาทั้งด้านการค้าและการลงทุนพบว่า ในด้านการค้า สินค้าที่มีโอกาสขยายตัวสูงในตลาดกัมพูชา ได้แก่ สินค้าอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง และวัสดุก่อสร้าง ซึ่งสินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยทำการค้ากับกัมพูชาอยู่แล้ว และยังมีโอกาสในการขยายตลาดเพิ่มเติม เนื่องจากสินค้าไทยเป็นที่ต้องการ เป็นที่รู้จัก และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวกัมพูชา รวมทั้งยังมีภาคบริการที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ การนำนวัตกรรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และแอปพลิเคชั่น มาใช้ในการสร้างระบบบริหารจัดการในโรงแรม สปา ร้านอาหาร ซึ่งบริการเหล่านี้เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการกัมพูชาด้วยเช่นกัน
ขณะที่การลงทุน ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมอาหาร การแปรรูปสินค้าเกษตร วัสดุก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นสาขาการลงทุนที่มีศักยภาพ มีความต้องการสูง ซึ่งผู้ประกอบการควรรักษาคุณภาพของสินค้าให้เท่าเทียมกับสินค้าที่นำเข้าจากไทย เนื่องจากชาวกัมพูชาให้การยอมรับสินค้าที่ผลิตจากไทย ดังนั้นหากผลิตในกัมพูชา คุณภาพควรเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังมีโอกาสเข้าไปลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ สปา และร้านอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไทยมีศักยภาพ และมีโอกาสเติบโตได้สูงในตลาดกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม ในการเข้าไปทำการค้าและการลงทุนในกัมพูชา ผู้ประกอบการจะต้องศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการค้า การลงทุน เช่น ในเรื่องของการค้า จำเป็นต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารรับรองต่างๆ ใบรับรองสุขอนามัย ใบรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม รวมถึงเรื่องภาษีนำเข้า และในด้านการลงทุน ต้องศึกษากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน อัตราภาษีประเภทต่างๆ และการจดทะเบียนกับหน่วยงานต่างๆ ในกัมพูชา สิ่งเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะทำการค้าการลงทุนในประเทศกัมพูชาต้องศึกษา
นอกจากนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ ให้ข้อมูลว่า กัมพูชาเป็นประเทศที่ได้สิทธิประโยชน์ทางการค้าจากหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ สหภาพยุโรป (อียู) หรือประเทศอื่นๆ ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบ หากผู้ประกอบการไทยสนใจเข้าไปลงทุนในกัมพูชา ขณะเดียวกันกัมพูชามีสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนให้กับผู้ประกอบการชาวต่างชาติมากมายด้วย