นางนิยดา หมื่นอนันต์ พาณิชย์จังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า จากนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่มอบหมายให้จัดหาตลาดรองรับผลผลิตลำไยเป็นการล่วงหน้า โดยสำนักงานพาณิชย์ฯได้ออกมาตรการและเข้าไปให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยเบี้ยวเขียวลำพูน ซึ่งเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดลำพูน โดยทำการขายลำไยผ่านทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งเป็นลำไยเกรดพรีเมียม มีปริมาณจำกัดที่ 1,800 กิโลกรัม
ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการบริโภคลำไยเบี้ยวเขียวลำพูน ซึ่งเป็นสินค้า GI ของจังหวัด โดยจำหน่ายเกรด AAA (3 ซม.ขึ้นไป) ราคากก.ละ 160 บาท บรรจุในกล่อง 5 กก. และ 10 กก. โดยขนาด 5 กก. มีค่าจัดส่ง 70 บาทต่อกล่อง และขนาด 10 กก. มีค่าจัดส่ง 120 บาทต่อกล่อง สามารถสั่งจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าสินค้าจะหมด ส่วนการจัดส่ง จะจัดส่งให้หลังจากที่ผลผลิตลำไยสุกได้ที่ ซึ่งทางสำนักงานฯ จะแจ้งผู้ซื้อต่อไป
“การเพิ่มช่องทางระบายผลผลิตลำไยดังกล่าว เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยในจังหวัดลำพูน ให้มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น และยังเป็นการช่วยให้ผู้บริโภคที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ได้มีโอกาสบริโภคลำไยเบี้ยวเขียวลำพูน ซึ่งเป็นสินค้า GI ชื่อดังของจังหวัด และเป็นสินค้าเกรดพรีเมียม”
สำหรับลำไยเบี้ยวเขียวลำพูน เป็นสินค้าที่ได้รับการรับรองเป็น GI การปลูกปลอดสารเคมี ได้มาตรฐาน GAP โดยลำไย GI ปลูกในพื้นที่ 6 ตำบล คือ ตำบลหนองช้างคืน อุโมงค์ เหมืองง่า ต้นธง ริมปิง และประตูป่า ปลูกบนพื้นที่ราบลุ่มน้ำปิง ที่ราบขั้นบันได และที่ราบลุ่มในหุบเขาซึ่งมีลักษณะเป็นดินน้ำไหลทรายมูล กล่าวคือ เป็นดินร่วนปนทรายที่เกิดจากตะกอนกรวด หิน ดิน ทราย อินทรียวัตถุที่น้ำพัดพามาทับถมในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำ ทำให้ต้นลำไยเจริญเติบโตได้ดี
"ลำไยเบี้ยวเขียวที่ปลูกในพื้นที่นี้มีความแตกต่างจากลำไยเบี้ยวเขียวป่าเส้าในแห่งพื้นที่อื่น มีคุณสมบัติเด่น คือ เปลือกสีน้ำตาลปนเขียว เนื้อสีขาวขุ่น เนื้อแน่นแห้ง เนื้อล่อน ไม่ฉ่ำน้ำ กรอบ รสหวาน กลิ่นหอม เมล็ดเล็ก กลมแบนด้านข้าง สีดำมัน และผลใหญ่ แบนเบี้ยว"