กรมหม่อนไหมตรวจสเปกเกษตรกรมีกว่า 2 หมื่นคนได้ชัวร์

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2563 มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และยังเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ เกษตรกรจะได้รับเงินช่วยเหลือ รายละ 5,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – กรกฎาคม 2563 รวมวงเงินของโครงการ 1.5 แสนล้านบาท โดยใช้ฐานทะเบียน 5 หน่วยหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ กรมปศุสัตว์,กรมประมง,กรมปศุสัตว์,การยางแห่งประเทศไทย (กยท.),กรมส่งเสริมการเกษตร และกรมหม่อนไหม ซึ่งก่อนหน้านี้ “ฐานเศรษฐกิจ” ได้สัมภาษณ์ 4 กรมไปเรียบร้อยแล้วเหลือแต่กรมหม่อนไหม ก็มีความคืบหน้าตามลำดับดังนี้

นายวสันต์ นุ้ยภิรมย์ อธิบดีกรมหม่อนไหม เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ในส่วนของการขึ้นทะเบียนเกษตรกรของกรมหม่อนไหมได้ส่งเอกสารทั้งหมดให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) โดยยืนยันไปทั้งหมด 39,904 ราย  ส่วนหนึ่งได้ไปขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรอยู่แล้ว  และเป็นหัวหน้าครอบครัวด้วยที่จะได้เงินเลย 23,681 ราย แล้วอีก 11,500 บาท ไปจดทะเบียนแต่เป็นสมาชิกของครอบครัวในพืชอื่นๆ อยู่แล้ว คาดว่าจะไม่ได้รับเยียวยาเพราะเป็นสมาชิกครัวเรือนแล้วยังมีเกษตรกรที่ยังคงเหลืออยู่ 4,330 ราย เป็นกลุ่มเกษตรกรทอผ้าไหม และฟอกย้อม ซึ่งกลุ่มนี้จะไปจดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรไม่ได้  เพราะไม่มีพื้นที่ในการดำเนินการ ซึ่งทางกรมได้ส่งกลุ่มนี้เข้าไปด้วย หากกระทรวงเห็นชอบแล้วยื่นเสนอให้กระทรวงการคลังเข้าไปด้วยก็มีโอกาสได้

ทั้งนี้การได้จะต้องไม่ใช่สมาชิกของครัวเรือนต้องเป็นหัวหน้าครัวเรือน แต่ถ้าไปซ้ำซ้อนกับการขึ้นทะเบียนกรมปศุสัตว์ หรือการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ก็ไม่ได้เพราะให้สิทธิ์เดียว ดังนั้นง่ายที่เกตรกรจะสามารถตรวจคุณสมบัติเบื้องต้นได้ ก็คือ 1.เป็นหัวหน้าครัวเรือนหรือไม่ 2.สมัครกับอาชีพใดบ้าง จะต้องไม่ซ้ำ แล้วใช้ 1 สิทธิ์เท่านั้น แต่ถ้าเป็นแค่สมาชิกครัวเรือนก็ไม่ได้สิทธิ์เยียวยา

นายวสันต์ กล่าวว่า ทางกรมยืนยันว่าสมาชิกกรมหม่อนไหมที่จะต้องได้รับเงินแน่นอนก็คือ 23,681 ราย คือเป็นหัวหน้าครัวเรือนแล้วทำอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจริง ซึ่งทางกรมตัดยอดการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไปเมื่อวันที่ 30 เมษายนไปแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีรอบ 2 หรือไม่ แต่ถ้ามีก็ขอให้เกษตรกรที่ยังเหลืออยุ่ที่ทำงานฝึกหม่อมนเลี้ยงไหมตอนนี้ให้ไปขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร แล้วถ้าหากไม่ไปขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรก็ให้มาขึ้นทะเบียนที่กรมหม่อนไหมให้หมดเลย ตอนนี้กำลังเปิดรับขึ้นทะเบียนทั้งหมด 21 ศูนย์ทั่วประเทศ พร้อมกับตัวแทนไหมอาสากว่า 1 พันคน ลงไปในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบด้วย

ปัจจุบันมีการรับขึ้นทะเบียน 5-6 อาชีพเกษตร เช่น อาชีพขายใบหม่อน ผลิตชาใบหม่อน ปลูกหม่อนผลสด หรือมัลเบอร์รี่ งานเลี้ยงไหมหัตกรรม และงานเลี้ยงไหมอุตสาหกรรม และเกษตรกรที่ไม่มีพื้นที่ปลูกพวกทอผ้าไหม ซึ่งเกษตรกรต้องมีกี่ทอผ้าอย่างน้อย 1 ตัว และอุปกรณ์ทอผ้าไหมครบ จะรับขึ้นทะเบียนที่กรมเท่านั้นในกลุ่มอาชีพหลังนี้ เนื่องจากอย่างที่กล่าวข้างต้นไปแล้วกลุ่มนี้ไม่มีพื้นที่ ไม่เข้าเงื่อนไขของการขึ้นทะเบียนกรมส่งเสริมการเกษตร

นายวสันต์ กล่าวว่า ดีใจกับกลุ่มเกษตรกรกลุ่มนี้ได้มีชื่อเข้าร่วมโครงการเยียวของรัฐบาลด้วย ซึ่งก่อนนี้ไม่ได้จดทะเบียนให้เป็นมาตรฐาน แต่วันนี้ได้ยกระดับมาตรฐานการจดทะเบียนเกษตรกร ซึ่งจะเป็นฐานการขึ้นทะเบียนที่สำคัญในอีกหน่วยงานหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของจาก 4 กรมหลักแล้ว อยากจะฝากว่า อาชีพในกลุ่มนี้เป็นอาชีพเล็กๆ แต่เป็นอาชีพที่สามารถทำรายได้เป็นรายเดือน เมื่อเทียบกับไม้ผล รายได้เป็นรายปี แต่ของเราได้ทุกเดือน เรียกว่าเป็นอาชีพหลักของแม่บ้านที่สามารถส่งเสียลูกไปเรียนหนังสือได้จากการขายเส้นไหมก็ดี ขายผ้าไหมก็ดี นี่แหละคือข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับอาชีพเกษตรกรรมอื่นๆ