นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีนโยบายในการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันทั้งระบบ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2563 โดยเข้าร่วมเสวนา Blockchain กับทิศทางใหม่ของชาวสวนปาล์ม ณ ศูนย์การเรียนรู้ของชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์ม อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เพื่อทำความเข้าใจกับเกษตรกรและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรวมทั้งระยะเวลาในการดำเนินโครงการ
นายอธิราษฎร์ ดำดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในการนี้มีผู้ผลิตไบโอดีเซลนำร่องของโครงการดังกล่าว จำนวน 3 ราย ได้แก่ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ บจ.นิวไบโอดีเซล และบจ.น้ำมันพืชปทุม ซึ่งมีโรงสกัดและเกษตรกรอยู่ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น app.ปาล์มยั่งยืน.com โดยคุณฉัตรพล ศรีปทุม จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีความประสงค์จะประชุมชี้แจงผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โรงสกัดและเกษตรกร ในการใช้แอพพลิเคชั่น เพื่อให้การนำร่องโครงการประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ และสามารถนำระบบบล็อกเชนมาใช้ในการบริหารจัดการปาล์มน้ำมันทั้งระบบได้ตามระยะเวลาที่กระทรวงพลังงานกำหนด
“สำหรับตัวแอพพลิเคชั่นในการใช้ง่าย เป็นระบบที่ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งผมจะทดลองใช้ระบบแล้วนำผลปาล์มไปขายโรงงาน เพราะต้องการให้มีการทดลองระหว่างเกษตรกับโรงงาน ใช้งานร่วมกันเริ่มต้นคาดว่าจะยังไม่มาก วันนี้มีสาธิตและให้ทุกคนลองสมัครกันดู คิดว่าที่จะมีอะไรไหมที่จะจูงใจให้คนมาใช้ในระบบนี้ อาทิ ใช้แล้วได้ราคา เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางกระทรวงพลังงานเร่งรัดมา ก็น่าที่จะมีอะไรจูงใจให้ตรงนี้หรือไม่”
นายอธิราษฎร์ กล่าวว่า ในขณะนี้เนื่องจากราคาปาล์มยังไม่ได้ถูกกำหนด จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งว่าราคาที่เป็นธรรมเป็นอย่างไร เพียงแค่การบันทึกไว้ก่อนว่าซื้อผลปาล์มในราคานี้แล้วขายน้ำมันปาล์มในราคานี้ เพราะราคาน้ำมันปาล์มก็ไม่มีราคากลาง เป็นราคาที่แต่ละจังหวัดรายงานไป แล้วกรมการค้ารายงานอีกราคาหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละราคากัน แต่ระบบนี้จะทำให้ข้อมูลเปิดเผย แล้วตรงกันหรือไม่ ราคาแต่ละจังหวัด น้ำมันปาล์มดิบหรือ ซีพีโอ อยู่ที่ 20 บาท/กิโลกรัม แต่พอเป็นราคาที่กรมการค้าภายในอยู่ที่ 21.75 บาท/กิโลกรัม หรือ 22 บาทต่อกิโลกรัม แล้วตกลงจะนำราคาไหนมาเป็นตัวคิดคำนวณราคาผลปาล์มทะลายให้กับเกษตรกร ทำให้รายงานของทั้งสองฝ่ายไม่มีความน่าเชื่อถือเลย
"เพราะการรายงานของกรมการค้าภายใน โรงสกัดก็มองว่าทำไมรายงาน “ราคาเขย่ง” สูงกว่าราคาที่ซื้อขายจริงในตลาด แล้วทางโรงสกัดก็ถูกมองว่าทำไมแจ้งราคาต่ำเพราะกรมการค้าภายในดันราคาน้ำมันปาล์มดิบขึ้นทุกวันว่าราคา 22 บาทต่อกิโลกรัม แต่ทำไมโรงงานสกัดแจ้งว่าราคา 20 บาทต่อกิโลกรัม ก็ทำให้เขื่อถือไม่ได้ จึงทำให้เกิดความเคลือบแคลง ซึ่งฐานข้อมูลตรงนี้ แต่ละคน แต่ละผู้ใช้ก็ดูได้แต่ของตัวเอง แต่ถ้าคนดูแลทั้งระบบจะเห็นทั้งหมด ก็ระบบนี้ต้องการเก็บข้อมูล แม้กระทั่งการบันทึกข้อมูลเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์ม ซื้อปาล์มกี่เปอร์เซ็นต์แล้วสกัดได้กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ละขั้นตอนยังเป็นระบบแมนนวล (Manual)"
ยกตัวอย่างหากนำผลปาล์มไปขาย จำนวนเท่านี้ราคาเท่านี้ แล้วโรงงานกดราคารับซื้อ ก็มีคนสองฝ่ายในธุรกรรมเดียวกันยืนยันข้อมูลก็จะถูกบันทึก แล้วนำผลปาล์มไปสกัดได้จริงเท่าไรก็จะต้องกรอกข้อมูล ก็อาจจะมีคลาดเคลื่อนได้ตามที่เคาะราคาได้มากหรือได้น้อย ก็อยู่ที่ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแต่ละคน อาจจะประเมินน้ำมันได้18% แต่ทำจริงอาจจะได้ 20-21% หรือซื้อมาสูง ผลิตได้ต่ำ นำมาเก็บเป็นข้อมูลมาดู จะมีระดับในการดูของแต่ละสัดส่วน ยกตัวอย่าง โรงงานสกัดจะดูแค่ว่ามีเกษตรกรที่จะนำผลปาล์มมาขายจำนวนเท่าไร มีกี่ไร่ แต่ในส่วนของโรงงานสกัดกับบี100 ที่เป็นคู่ค้ากัน ทางผู้ซื้อก็จะเสนอราคามาเท่าไร แล้วผู้ขายว่าจะเคาะว่าขายหรือไม่
แต่ถ้ามีการซื้อขายก็ถือว่าการทำธุรกิจก็จบลงที่ราคาเท่าไร ราคาตัวนี้จะไปที่โรงงานบี100 ไปผลิตบี100 ก็ต้องไปเคาะขายน้ำมันบี100 กับผู้ซื้อบี00 อาทิ ป.ต.ท.,เอสโซ่,บางจาก เป็นต้น จะทำให้ข้อมูลยืนยัน ว่าจะมีการขัดแย้งการยืนยันความขัดแย้งของข้อมูล จะต้องถูกปรับให้ตรงกัน เป็นการเอาทุกอย่างมาคลี่วางไว้บนโต๊ะ บนหน้ากระดาน กระทรวงพลังงานจะเห็นทุกอย่างเลยว่ามีความเป็นธรรมในการซื้อขายในระบบหรือไม่ และในระบบนี้เรียกว่า เป็นการนำทุกห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมมาจัดระเบียบใหม่ทั้งหมดเลย ตามขั้นตอน ตั้งแต่เกษตรกรนำผลปาล์มมาขายที่ลานเท และลานเทขนไปที่โรงงานสกัด ส่งไปโรงงานปาล์มบริโภค ปัจจุบันยังไม่มีคู่มือแต่การลงทะเบียนง่ายๆ ไม่ยาก
ทั้งนี้ในการที่ใช้ 3 บริษัทนำร่อง เสนอให้ ป.ต.ท. ควรจะซื้อ 3 บริษัทนี้ก่อนเป็นลำดับแรก แล้วถ้าเกินกว่านั้นก็ค่อยไปซื้อที่บริษัทอื่นก็จะเป็นการดึงให้ทุกคนมาใช้ในระบบนี้ เพราะใครที่อยู่ในระบบบล็อกเชนจะได้ในการพิจารณาเป็นลำดับแรกๆ แล้วคนที่ไม่ใช้บล็อกเชนก็ต้องนั่งรอ คิดว่าจะต้องมีอะไรที่จูงใจเพื่อให้ทุกคนเข้ามาร่วมกันใช้ หรือได้อะไรมากกว่าคนอื่น ดีกว่าคนอื่นหรือได้อะไรมากกว่าราคาตลาด ยกตัวราคาน้ำมันปาล์มดิบ ราคา ตลาดอยู่ที่ 20 บาท/กิโลกรัม แต่ถ้าเข้าระบบนี้จะได้ราคา 22 บาท/กิโลกรัม ผมว่าทุกคนจะพร้อมใจกันเข้าระบบนี้กันทั้งหมดเลย เพียงแค่คลิก app.ปาล์มยั่งยืน.com
ด้านนายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล หรือ "เฮียหลี"กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เค.มารีน เทรดดิ้ง จำกัด (บจก.) กล่าวว่าส่วนใหญ่โรงงานกับเกษรตกรมีปัญหากันมาโดยตลอด จากกรณีผลปาล์มที่นำมาส่งโรงงานไม่สามารถดูด้วยตาเปล่าได้ได้กี่เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องเอาเข้าเครื่องไปผลิต พอนำไปผลิตผลที่ออกมาว่า เกษตรกรที่บอกว่าได้18% พอเข้าเครื่องผลิตแล้ว ไม่ได้ 18% เกษตรกรก็ไม่เชื่อ ส่วนเราผู้ประกอบการ ไม่ได้18% จะให้ทำอย่างไร ทั้งนี้จะเอาอะไรเป็นตัววัดว่าผลปาล์มที่ส่งมาให้โรงงานได้ 18% จริงหรือไม่ ไม่มีอะไรนอกจากจะใช้สายตา
“พอบอกไม่ได้18% ก็หาว่าโรงงานโกหก ฝ่ายโรงงานก็บอกว่าให้เกษตรกรเข้าใจโรงงานบ้าง ยิ่งช่วงที่ผ่านมาฤดูแล้งเหลือ 13-14% ยังมีเลย แต่เค้าก็มีความรู้สึกว่าน้ำมันดิบขายได้ 18 บาท/กิโลกรัม ทำไมไม่มาซื้อผลปาล์มที่ 3.60 บาท/กิโลกรัม ซื้อแค่ 3 บาท/กิโลกรัม แต่โรงงานก็บอกว่าเปอร์เซ็นต์น้ำมันไม่ได้18% ก็มีปัญหากันมาโดยตลอด”
นายประกิต กล่าวว่า มองว่า “บล็อกเชน” จะเป็นผลดีที่สามารถซื้อราคานี้แล้วขายราคานี้ ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จะได้ทราบราคาที่แตกต่าง ใครไม่ได้รับความเป็นธรรมในระบบของบล็อกเชนจะเป็นบ่งบอก แต่ก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาในเรื่องราคาได้ เรียกว่าเป็นการปรับระบบให้ทราบว่าเหลื่อมล้ำแล้วตรงไหนที่ไม่เป็นธรรม
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์เฟสบุคส์ส่วนตัวว่า ระบบบล็อกเชน (Blockchain) เปลี่ยนแปลงการซื้อขายปาล์ม อีกทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตชาวเกษตรกรสวนปาล์ม มาเริ่มรู้จักกับ หนึ่ง สอง สาม กับบล็อกเชนกันครับ
กระทรวงพลังงาน พร้อมเข้าสู่ Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อการดูแลการซื้อขายปาล์มน้ำมันทั้งระบบของเกษตรกรชาวสวนปาล์ม โดยวิธีการขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมัน มาตรา 7 ซื้อน้ำมัน B100 จากผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบ Blockchain เท่านั้น ซึ่งวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาการกดราคาผลผลิตปาล์มและป้องกันการลักลอบนำเข้า น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) การนำบล็อกเชนมาใช้ในระบบปาล์มน้ำมัน เข้าถึงได้จาก 1 แพลตฟอร์ม ที่มี 2 จุดเด่น ทั้งยังให้ 3 ประโยชน์
หนึ่ง แพลตฟอร์ม (1 Platform Blockchain) ที่ใช้งานได้ง่าย เรามีแอปพลิเคชั่นมือถือที่เกษตรสามารถลงทะเบียนโดยใช้ ชื่อสกุล และเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เพื่อลงทะเบียนเข้าใช้ในระบบ ตัวอย่างเช่น หลังจากลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่นเมื่อเกษตรกรนำผลผลิตปาล์มไปขาย ลานเทสามารถกรอกข้อมูลลงในระบบ ซึ่งเป็นการง่ายต่อเกษตรชาวสวนปาล์ม และลดขั้นตอนความยุ่งยาก
สอง จุดเด่น (2 Prominent Points) ของบล็อกเชน คือ (1) เรียลไทม์ (Real Time) สามารถควบคุม ติดตาม มีการเก็บข้อมูลการซื้อขายปาล์มอย่างครบวงจร ทำให้เกิดความรวดเร็วในการเข้าถึง และ (2) ระบบมีความถูกต้องแม่นยำ ทั้งยังโปร่งใส ระบบนี้จะช่วยให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปถึงต้นน้ำได้ว่าเกษตรกรจะได้ราคาที่เป็นธรรม และเป็นกลไกหนึ่งในการป้องกันปัญหาการลักลอบนำเข้า CPO
สาม ประโยชน์ (3 Benefits) ที่เกิดกับพี่น้องเกษตรกร ก็คือ (1) การทำให้เกิดราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงการทำให้กลไกราคาซื้อขายมีความสมเหตุสมผล สร้างความเป็นธรรมด้านราคาให้แก่เกษตรกรเพราะการซื้อขายปาล์มเป็นไปตามสัดส่วนกับ CPO (2) บล็อกเชนยังทำให้เห็นปริมาณความต้องการใช้ CPO ซึ่งอาจสามารถลดปัญหาผลผลิตล้นตลาด ราคาปาล์มตกต่ำในฤดูกาลผลิต และประโยชน์ที่ (3) คือเป็นกลไกหนึ่งในการป้องกันการลักลอบนำเข้า เพราะโรงกลั่นต้องซื้อ CPO จากบล็อกเชนเท่านั้น และทำให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขันและความสมดุลต่อภาคอุตสาหกรรม รวมถึงทำให้ธุรกิจปาล์มมีการผลิตและเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต
การแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมัน ต้องขับเคลื่อนไปเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับเกษตรกร เราใช้มิติพลังงานแก้ปัญหาพืชผลการเกษตร และโอกาสที่จะขยายไปสู่พืชพลังงานตัวอื่นด้วย เช่น อ้อยและมันสำปะหลัง นับเป็นครั้งแรกที่เราเปลี่ยนแปลงการค้าขายปาล์มในระดับนี้เกษตรกรจะที่มีชีวิตท่ีขึ้น จากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้สนับสนุนการบริหารจัดการปาล์มรูปแบบใหม่ เพื่อแก้ปัญหาพืชเกษตรพลังงานครับ"