ความคืบหน้ามาตรการ "เยียวยาเกษตรกร" แจกเงิน 5,000 บาทเป็นเวลา 3 เดือนล่าสุด ทาง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ทยอยจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกร จำนวน 5,000 บาท 3 เดือน ปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเดือนที่2 ส่วนเดือนที่ 3 คาดว่าจะทยอยจ่ายในวันที่ 15 ก.ค.นั้น
นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยว่า ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจความซ้ำซ้อนในมาตรการเราไม่ทิ้งกันกับกระทรวงการคลัง ระบบประกันสังคม และข้าราชการบำนาญ หากตัดข้อมูลดังกล่าวนี้จะเหลือเกษตรกรที่ส่งให้ ธ.ก.ส.โอนเงิน 7.2 ล้านราย (ธ.ก.ส. โอนเดือน พ.ค. จำนวนเกษตรกร 7.2 ล้านราย เดือน มิ.ย. จำนวน 7.2 ล้านราย) ในส่วนเกษตรกรที่มีประกันสังคม ที่รัฐบาลจะเข้าเงื่อนไขจ่ายเยียวยาในมาตรการนี้ได้ จากข้อมูลประกันสังคม ที่ส่งเข้ามาอุทธรณ์ให้ฝ่ายเลขาฯ นำมาแจงรายละเอียดเลยว่าเกษตรกรแจงมาว่าอย่างไร เช่น มีกลุ่มที่อยู่ในประกันสังคม แต่ว่าออกแล้ว แต่ชื่อยังอยู่ในประกันสังคม แล้วไม่ได้รับสิทธิ์เยียวยา ดังนั้นก็สมควรที่จะได้รับสิทธิ์เยียวยาเกษตรกร เป็นต้น
ปัจจุบันมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา นอกจากนั้นก็มีประเด็นในเรื่องโครงการไม่ทิ้งกัน ที่มีอยู่กว่าพันราย ก็มาไล่ข้อมูลแล้วว่ามีกรณี ไปสละสิทธิ์ในโครงการไม่ทิ้งกัน แล้วตั้งใจมาเอาสิทธิ์เยียวยาเกษตรกร แต่ตอนที่ ก.เกษตรฯ กลั่นกรอง แต่ชื่อเกษตรกรยังอยู่ไม่ทิ้งกัน พอนำมากรองก็ทำให้ไม่มีสิทธิ์ก็เลยตกหล่นแบบนี้จึงให้คณะทำงานไปไล่กลับคืนมา เพราะจริง ๆ เกษตรกรควรที่จะมีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยาเกษตรกร เพราะเจตนารัฐบาลต้องการช่วยทุกคนที่เดือดร้อน เพียงแต่ว่าต้องไม่ซ้ำซ้อนกัน
ขณะที่นายสุนทร รักษ์รงค์ กรรมการการยางแห่งประเทศไทย (บอร์ด กยท.) และเลขาธิการสภาเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สคยท.) กล่าวว่า ขอเสนอต่อนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอขยายกลุ่มเป้าหมาย 1.ข้าราชการ ข้าราชการบำนาญ และประกันสังคม ที่มีทะเบียนเกษตรกรและเป็นหัวหน้าครัวเรือน ให้สมาชิกครัวเรือนมารับเงินเยียวยาแทน 2.ให้สมาชิกครัวเรือนเกษตรกรที่มีทะเบียนผู้ช่วยเกษตรกร ได้รับสิทธิการเยียวยาด้วย การตัดสิทธิไม่ให้เกษตรกรกลุ่มนี้ได้รับสิทธิการเยียวยาทั้งครัวเรือนด้วยเหตุดังกล่าวถือว่าไม่ยุติธรรมกับสมาชิกในครัวเรือน เพราะความเดือดร้อนเกิดขึ้นกับทุกคนในครอบครัว ดังนั้นอยากให้เกษตรกรที่เสียสิทธิ และอยู่ในระหว่างการตามเรื่องให้อดใจรอนิดหนึ่ง ที่สำคัญไม่ขัดมติ ครม.ด้วย