นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แถลงผลงาน 1 ปีหลังจากเข้ามานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่า ตลอด1ปีที่ผ่านมาได้เน้นการทำงานแบบบูรณาการ รวมมือร่วมใจในการดำเนินงานทั้งในส่วนของข้าราชการ ทั้งปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ตรวจราชการ และเพื่อนข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ในทุกระดับ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องภายใต้กำกับของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีผลงานเด่นชัดถึง16 ผลงานในรอบหนึ่งปีตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหาร
สำหรับผลการทำงานทั้ง 16 เรื่องประกอบด้วย 1 . การประกันรายได้เกษตรกรพืชเกษตร 5 ชนิด ประกอบด้วย ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพด โดยในรอบปีที่ผ่านมาได้มีการดำเนินการจ่ายเงินส่วนต่างในวงเงินรวม 71,210 ล้านบาท สามารถที่จะช่วยเหลือเกษตรกรได้ 7.29 ล้านครอบครัว
2. ได้มีการตั้ง ,เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพื่อที่จะทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชนเพื่อแก้ปัญหาอุปสรรคและผลักดันการค้าทั้งในประเทศและการส่งออกเพื่อนำรายได้เข้าประเทศโดยถือหลักให้เอกชนเป็นทัพหน้า กระทรวงพาณิชย์เป็นทัพหนุน 3. เปลี่ยนบทบาททูตพาณิชย์ เป็นเซลล์แมนประเทศ และพาณิชย์จังหวัดเป็นเซลล์แมนจังหวัด เพื่อขยายการค้าและเพื่อผลักดันการส่งออกรวมทั้งเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้าของประเทศ
4. นำทีมเอกชนขายสินค้าทั่วโลกทั้งในรูปแบบของการลงนาม MOU ในหลายประเทศเช่น จีน อินเดีย ตุรกี เยอรมันนี และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น สามารถลงนาม MOU ขายสินค้าได้รวมกันทั้งสิ้นเป็นมูลค่า 94,822 ล้านบาท นอกจากนั้นยังมีการจับคู่เจรจาธุรกิจซึ่งประสบความสำเร็จทั้งสิ้น 231 คู่ ในช่วงที่นำคณะเดินทางไปเจรจาการค้าในต่างประเทศ รวมทั้งในรูปแบบของการสร้างมูลค่าจัดงานแสดงสินค้า และคณะผู้แทนการค้าทั้งในและต่างประเทศซึ่งทำให้เราสามารถขายสินค้าได้รวมอีกก้อนหนึ่ง 54,192 ล้านบาท
5. ผลักดันการค้าชายแดนด้วยการขจัดปัญหาอุปสรรคต่างๆ รวมทั้งการเร่งรัดดำเนินการเปิดด่านเพื่อเสริมสร้างมูลค่าการค้าชายแดนเพิ่มขึ้นซึ่งในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถสร้างมูลค่าการค้าชายแดนได้เป็นเงินถึง 1.02 ล้านล้านบาท สามารถผลักดันการเปิดด่านแม่สอด แห่งที่2 สำเร็จ นอกจากนั้นการค้าชายแดนผ่านด่านเจดีย์สามองค์ก็สามารถผลักดันให้ฝ่ายความมั่นคงอนุญาตให้ผู้ประกอบธุรกิจฝั่งไทยสามารถนำเงินผ่านแดนได้ถึงครั้งละ 2 ล้านบาท จากเดิม 500,000 บาท
6. การลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ภายใต้โครงการพาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน 5 Lot ซึ่งสามารถนำสินค้า 8,763 รายการ มาลดราคาให้กับคนไทยทั้งประเทศสูงสุดถึงร้อยละ 80 ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพให้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทและยังจะมีนโยบายดำเนินการต่อไปอีกใน Lot อื่นๆ นอกจากนี้ยังมีโครงการย่อยอีกเช่นคาราวานธงฟ้าฝ่าภัยโควิดซึ่งเป็นรถพุ่มพวงที่กระจายไปในหลายพื้นที่เพื่อลดภาระค่าครองชีพจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชนในช่วงโควิด
7. เป็นประธานการประชุมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค สามารถหาข้อสรุปได้ครบถ้วนทั้ง 20 ข้อบท และหลังจากค้างคามา 7 ปี คาดว่าถ้าไม่มีอุปสรรคอะไรเปลี่ยนแปลงก็จะสามารถลงนามที่เวียดนามได้ในปลายปีนี้ในเรื่องของ RCEP
8. การยกระดับโชวห่วยเป็นสมาร์ทโชวห่วยได้กว่า 28,000 แห่งในรอบหนึ่งปี รวมทั้งสามารถยกระดับสมาร์ทโชวห่วยขึ้นเป็นสมาร์ทโชวห่วยเดลิเวอรี่ได้ 2,155 ร้านค้าด้วยกัน 9. การยกระดับราคาเศษกระดาษ เพื่อช่วยซาเล้งและนำไปสู่โมเดลการแก้ปัญหาแบบซาเล้งโมเดลในกรณีอื่นๆตามมาในอนาคต ปัจจุบันได้มีการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการและผู้ประกอบอาชีพซาเล้งผู้ค้าของเก่าขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รวมทั้งมีมาตรการในการบรรลุข้อตกลงร่วมกันในการรับซื้อเศษกระดาษขั้นต่ำไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 2 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาสูงเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว คาดว่าจะสามารถช่วยผู้ประกอบการซาเล้งได้ประมาณ 1,500,000 ครัวเรือน ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งสมาคมซาเล้งและผู้รับซื้อของเก่า เสร็จสิ้นแล้วเพื่อเราจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้อย่างเป็นระบบ
10. การสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ในภูมิภาค ขณะนี้กำลังเร่งรัดดำเนินการและมีความคืบหน้าที่สามารถพัฒนาผู้ประกอบการไทยในเรื่องธุรกิจดิจิทัลคอนเทนท์ซึ่งสามารถสร้างโอกาสและเร่งขยายตลาดไปได้มากในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ กัมพูชา ญี่ปุ่น เมียนมา สหรัฐอเมริกา เป็นต้น และช่วงที่ผ่านมาแม้จะเป็นช่วงเริ่มต้นก็สามารถสร้างมูลค่าการค้าได้แล้วกว่า 1,561 ล้านบาท
11. เร่งสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ให้มีความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การค้ายุค New Normal ซึ่งได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆทั้งด้านการค้ามีการส่งเสริมการพัฒนา Startup ไปได้ทั้งหมด 2,865 รายและพัฒนาการค้าดิจิตอลทั้งหมดได้มีการอบรมพัฒนาผู้ประกอบการการค้าออนไลน์ได้ 16,222 ราย รวมแล้วในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถสร้างนักธุรกิจยุคใหม่ได้ 19,087 ราย
12. การควบคุมราคายาค่าบริการโรงพยาบาลเอกชนด้วยมาตรการแจ้งราคายาค่าบริการก่อนการรักษาผ่านระบบ QR Code 13. ริเริ่มในการผลักดันวิสัยทัศน์เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด ภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เพื่อบรรลุเป้าหมาย 1 สร้าง 3 เพิ่ม 1 สร้าง คือ สร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก 3 เพิ่มคือ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เพิ่มจีดีพีของประเทศ และเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการทุกระดับ
14. ผลักดันโครงการอาหารไทย อาหารโลก ภายใต้ยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางอาหารคุณภาพของโลกต่อไปโดยความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน เกษตรกรและหน่วยงานภาครัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง
15. เร่งรัดขึ้นทะเบียนสินค้า GI เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ที่มีอัตลักษณ์เป็นของตนเองในท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศซึ่งในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมาสามารถเพิ่มจำนวนสินค้า GI ได้ 19 รายการ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เฉพาะ 19 รายการนี้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปีและ16. การจัดงานศิลปชีพ “ทอใจวิถีใหม่ใต้ร่มพระบารมี” เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ในวันที่ 1-5 สิงหาคม 2563