นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงการระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ว่า จะส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินในเศรษฐกิจของไทยประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาทต่อวัน หรือ 45,000-60,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณ 0.2-0.3% เท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่ได้มากนักเมื่อเทียบกับเม็ดเงินสะพัดโดยรวมในเศรษฐกิจของประเทศปัจจุบันที่มีมูลค่าราว 15.5 ล้านล้านบาท ขณะที่ภาครัฐก็ยังคงดำเนินการต่อในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งโครงการคนละครึ่ง ประกันราคาสินค้าเกษตร ซึ่งมั่นใจว่ารัฐบาลจะดำเนินการต่อไปทำให้เม็ดเงินไม่ได้หายไปจากระบบมากนัก โดยในส่วนของเม็ดเงินภาคเศรษฐกิจในจังหวัดสมุทรสาคร หมุนเวียนเฉลี่ยวันละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งกว่า 70%มาจากภาคอุตสาหกรรม
ขณะนี้โรงงานยังเปิดดำเนินการตามปกติแม้จะมีต้นทุนเรื่องความเข้มงวดในการดูแลแรงงาน แต่การขนส่งสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอาหารยังไม่กระทบมากนัก ทั้งการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก เพราะผู้บริโภคยังคงรับประทานอาหารทะเลตามปกติ เพียงแต่ระมัดระวังเรื่องการปรุงให้สุกมากขึ้น แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยภาพรวมของจังหวัดเฉลี่ยกว่า 300 ล้านบาทต่อวัน หรือคิดเป็น 10,000 ล้านบาทต่อเดือน
อย่างไรก็ตามจากมาตรการเชิงรุกของกระทรวงสาธารณสุข เมื่อพิจารณาจากอัตรา ผู้ติดเชื้อในจังหวัดนอกพื้นที่ต้นเหตุที่ยังอยู่ในหลัก 10 คนเชื่อว่ารัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์ได้ และคลี่คลายภายใน 14 วัน แต่หากตัวเลขในพื้นที่นอกจังหวัดต้นเหตุพุ่งถึงหลัก 50-100 ราย ขึ้นไปจะกระทบมากขึ้น ซึ่งชื่อว่าหากสถานการณ์เปลี่ยนไปก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่จากสถานการณ์ ในขณะนี้แม้จะมีการระบาดในหลายพื้นที่แต่ทางหอการค้าก็ยังไม่ปรับประมาณการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจ โดยยังคงประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ติดลบอยู่ที่ 6.3% และปีหน้าขยายตัวได้ 2.8%