นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กำกับดูแลกรมที่ดิน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสภาพัฒน์ในที่ประชุมครม.เกี่ยวกับปัญหาการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอสินเชื่อ โดย ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ไม่ยอมผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้สถาบันการเงินในการรับหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อกรณีที่ดิน โดยจะยอมรับเพียงโฉนดที่ดินเท่านั้น
“ผมเห็นว่าประชาชน เอสเอ็มอี เดือดร้อนแสนสาหัส และก็เห็นว่า สถานะเอกสารสิทธิ์ นส.3 นส.3 ก ควรจะเป็นเอกสารสิทธิ์ที่มีสถานะสูงพอจะใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ แต่แบงก์ชาติไม่ให้ ก็ไม่เป็นธรรมกับประชาชนมากนัก จึงสั่งการให้กรมที่ดินแปลงเอกสารสิทธิ์ นส.3-นส.3 ก สค.1 ให้เป็นโฉนดที่ดิน ซึ่งจากการสำรวจมีอยู่กว่า 3 ล้านแปลง ต้องขอให้ประชาชนที่ต้องการแปลงสถานะที่ดินติดต่อเข้าไปที่กรมที่ดิน ซึ่งขณะนี้ใช้ระบบออนไลน์เข้ามาช่วยสะดวกมาขึ้น”
นายนิพนธ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและชื่นชมอย่างจริงใจที่กรมที่ดินได้เดินหน้าขับเคลื่อนงานในภารกิจมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง กรมที่ดินตั้งมายาวนานถึง 120 ปี มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้มีความเจริญก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านเทคโนโลยี และด้านการบริการต่างๆ ที่มีคุณภาพสอดคล้องรองรับกับความเจริญทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เป็นที่ยอมรับของสังคมทั้งภาครัฐและเอกชน ที่จะใช้ประโยชน์จากที่ดินในการพัฒนาประเทศ ขับเคลื่อนงานได้อย่างเป็นรูปธรรม ตอบสนองความต้องการ หรือความคาดหวังของประชาชนที่จะได้รับการบริการที่ดี มีคุณภาพ เกิดความเป็นธรรมในสังคม และเป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่าง
ด้านนายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า กรมที่ดินเร่งดำเนินการตามนโยบายของรมช.มหาดไทย โดยได้เปิดช่องทางโครงการ “บอกดิน 2” ให้ประชาชนผู้ครอบครองที่ดินประเภท ส.ค.1 น.ส.3 และน.ส.3 ก นำหลักฐานยื่นคำขอออกโฉนดที่ดิน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดินให้กับผู้ถือครองอีกด้วย ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลว่ามีอยู่ 3 ล้านฉบับทั่วประเทศที่ยังหลงเหลือ
“ผมสั่งสำนักงานที่ดินจังหวัด/สาขาทั่วประเทศ 461 แห่ง ประชาสัมพันธ์ให้กับผู้นำชุมชนกำนันผู้ใหญ่บ้าน กว่า 7 หมื่นแห่ง แจ้งประชาชนในพื้นที่รับทราบ และให้รีบแจ้งขอออกโฉนดภายในไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยจะใช้การรังวัดด้วยระบบเทคโนโลยีทันสมัยด้วยดาวเทียมทาบกับแปลงที่ดิน ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนน้อยลดผลกระทบข้อพิพาท ระหว่างรัฐกับประชาชน สามารถนำหลักฐานยื่นฟ้องต่อศาลได้ หากแปลงที่ดินไม่อยู่ในเขต ป่าสงวน ป่าไม้ถาวร เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตลอดจนที่ดินสาธารณะ ทั้งนี้หากที่ดินตั้งอยู่ในเขตป่าที่ดินรัฐ กรมที่ดินจะไม่สามารถออกเอกสารสิทธิ์ให้ได้”
โครงการ “บอกดิน” ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล โดยยึดหลักภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม และสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ด้วยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) มาประยุกต์ใช้ในการรับแจ้งข้อมูลด้านที่ดินจากภาคประชาชน เพื่อนำไปตรวจสอบและประมวลผลด้วยโปรแกรมสาธารณะด้านภูมิสารสนเทศบนระบบการทำงานที่เป็นดิจิทัล สร้างความสะดวกสบายให้กับประชาชนช่วยลดค่าใช้จ่ายภาครัฐได้อีกด้วย