นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับการประสานงานจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศว่ามีกลุ่มโจรกรรม (Scammer) ปลอมแปลงเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยใช้ชื่อโดเมนเนมที่มีชื่อกรมฯ เป็นตัวสะกดอยู่ภายในนั้น คือ http://dbdthailandcompanies.com ซึ่งมีลักษณะรูปแบบคล้ายกับเว็บไซต์หลักของกรมฯ หน้าภาษาอังกฤษ และมีช่องทางให้ผู้ที่เข้าไปในเว็บไซต์ปลอมข้างต้นสามารถกรอกข้อมูลเพื่อเข้าไปตรวจสอบเลขนิติบุคคลซึ่งเลขดังกล่าวเป็นนิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นจริงกับกรมฯ จึงเป็นที่ชัดเจนว่าการกระทำนี้ มีเจตนาเพื่อหลอกลวงให้ผู้ที่เข้าไปใช้เว็บไซต์ปลอมเชื่อว่าเลขนิติบุคคลที่ได้สมมุติขึ้นมีการจดทะเบียนจัดตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และอาจทำให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ติดต่อกับผู้ทำเว็บไซต์ปลอมนี้ ถูกล่อลวงและหลงเชื่อให้ร่วมดำเนินธุรกิจจนกระทั่งเกิดความเสียหายตามมา
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง และพบว่ากลุ่ม Scammer มีพฤติการณ์ลักษณะใกล้เคียงกัน คือ สร้างเว็บไซต์ที่มีหน้าตาเหมือนของกรมฯ ซึ่งจดทะเบียนโดเมนเนมที่ต่างประเทศ และให้เลขนิติบุคคลที่ผู้กระทำผิดเป็นคนกำหนดขึ้นแก่ผู้ที่ติดต่อทำธุรกิจ โดยคาดว่ากลุ่มเป้าหมายของ Scammer ที่ต้องการให้ตกเป็นเหยื่อคือ นักธุรกิจชาวต่างชาติ และเมื่อนำเลขนิติบุคคลดังกล่าวมาใช้ตรวจสอบกับเว็บไซต์ปลอมที่ทำขึ้นมาก็จะปรากฎข้อความที่ทำให้เชื่อว่าเป็นธุรกิจที่ถูกจัดตั้งตามกฎหมายจริง
อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบเชิงลึกถึงที่มาและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ดังกล่าว ประกอบกับประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎหมายและการปราบปรามผู้กระทำผิดทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด ก่อนจะส่งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ประกอบธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติ จนถึงขั้นเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย
“ขอเตือนไปยังผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนให้ดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบการมีตัวตนของธุรกิจที่แน่ชัด โดยสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ผ่าน 2 ช่องทาง คือ 1.Moblie Application : DBD e-Service และ 2.เว็บไซต์กรมฯ www.dbd.go.th เท่านั้น (ค้นหาได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) เลือกหัวข้อบริการออนไลน์ จากนั้นเลือก บริการข้อมูลธุรกิจ และ DBD Data Warehouse+ ไม่เสียค่าบริการใดๆ และใช้งานระบบได้ตลอด 24 ชั่วโมง”
สำหรับผู้ประกอบธุรกิจชาวไทยที่กำลังติดต่อหรือจะร่วมลงทุนกับนักลงทุนชาวต่างชาติ นอกจากจะใช้หนังสือรับรองนิติบุคคลที่ออกจากกรมฯ เป็นเอกสารให้คู่ค้าพิจารณาเพื่อเป็นเครื่องยืนยันความมีตัวตนแล้ว กรมฯ มีข้อแนะนำเพิ่มเติมว่าท่านสามารถให้ข้อมูลแก่นักธุรกิจชาวต่างชาติว่าสามารถเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงผ่านระบบ DBD Data Warehouse+ ซึ่งเป็นบริการของกรมฯ ในฐานะหน่วยงานของรัฐบาลไทยได้อีกช่องทางด้วย เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อมูลแบบเชิงลึกสร้างความมั่นใจและตอกย้ำความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจอีกขั้น