นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวภายหลังการหารือกับนายเดเมียน โอ คอนเนอร์รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและการส่งออกของนิวซีแลนด์ ผ่านระบบ VDO Conference ว่าปีนี้นิวซีแลนด์ในฐานะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค และในปี2565ไทยจะรับไม้ต่อจากนิวซีแลนด์ สำหรับเอเปคนั้นเป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกันของกลุ่มประเทศในเอเชียและแปซิฟิคจำนวน 21 ประเทศ ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2532 มูลค่าการค้าของไทยกับเอเปคปีละประมาณ 10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 70% ของมูลค่าการค้าของไทยต่อการค้ารวมกับทุกประเทศในโลก
โดยประเด็นที่หารือในครั้งนี้ นิวซีแลนด์ในฐานะประเทศเจ้าภาพการประชุม ต้องการออกแถลงการณ์ร่วมผลจากการประชุมเอเปคปีนี้ 3 แถลงการณ์ และขอความเห็นในฐานะรัฐมนตรีการค้าของประเทศไทย โดยไทยได้แจ้งว่ายินดีในการสนับสนุนแถลงการณ์ร่วมทั้ง 3 ฉบับประกอบด้วยฉบับที่ 1 แถลงการณ์ร่วมฉบับใหญ่ของรัฐมนตรีการค้าเอเปคทั้งหมด สาระสำคัญ คือ กำหนดให้การค้าเป็นปัจจัยสำคัญในการที่ช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด และให้เอเปคสนับสนุนการค้าในระบบพหุภาคีโดยเฉพาะในรูป WTO รวมถึงให้เอเปคสนับสนุนเศรษฐกิจแบบ BCG คือทั้งเศรษฐกิจ Bio Economy เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียวซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบัน
แถลงการณ์ฉบับที่ 2 กำหนดให้สมาชิกในกลุ่มประเทศเอเปค จะไม่จำกัดการส่งออกวัคซีนโควิด ยกเว้นมีข้อจำกัดตามที่ WTO กำหนดไว้เท่านั้น เช่น ไม่พอใช้ในประเทศเป็นต้น
และแถลงการณ์ฉบับที่ 3 ภาคบริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเอเปคต้องการส่งเสริมความร่วมมือด้านโลจิสติกส์สนับสนุนกระบวนการนำเข้าส่งออกทางผ่านด่านต่างๆด้วยระบบดิจิตอลในสินค้าที่จำเป็นในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ทั้งเครื่องมือแพทย์ วัคซีน อาหาร สินค้าเกษตร หรือสินค้าเครื่องใช้ในบ้านในยุค New Normal
อย่างไรก็ตามไทยได้ตอบรับการเข้าร่วมประชุมในวันที่ 4 - 5 มิถุนายนนี้ โดยในวันที่4มิถุนายนนิวซีแลนด์จะเป็นเจ้าภาพประชุมรัฐมนตรีการค้าร่วมกับสภาธุรกิจเอกชนเอเปคซึ่งการประชุมจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 1.การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ 2.เรื่องการรับมือเศรษฐกิจต่อวิกฤติโควิด3.กลุ่มที่ว่าด้วยการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์โควิด โดยซไทยจะเข้าร่วมในกลุ่มที่ 2 และวันที่ 5 มิถุนายน จะเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีโดยเฉพาะของกลุ่มประเทศเอเปค
“นิวซีแลนด์ได้ขอให้ไทยช่วยสนับสนุนการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมใหญ่ของนิวซีแลนด์คิดภาษีเป็นศูนย์ ตามข้อตกลง FTA ระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ แต่ไทยยังดำเนินการได้ไม่ครบถ้วน ซึ่งจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ในเดือนกรกฎาคม และจะขอให้ทางนิวซีแลนด์ช่วยนำเข้าสินค้าที่จำเป็นต่อสถานการณ์โควิดเพิ่มเติมมากขึ้นจากการนำเข้าปกติที่ผ่านมา โดยขอให้นำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์เช่น ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้ เช่นลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง มังคุด เพราะผ่านการตรวจสอบด้านสุขอนามัยจากนิวซีแลนด์เรียบร้อยแล้ว และทางนิวซีแลนด์ให้การรับรองแล้ว ขอให้นำเข้าเพิ่มเติมเป็นพิเศษนอกจากผลไม้ชนิดอื่นๆที่มีการนำเข้าโดยปกติ”