‘อมาโด้’ปรับแผน โหมรุกอาหารเสริม

13 ส.ค. 2562 | 14:35 น.

“อมาโด้ กรุ๊ป” เร่งสร้างแบรนดิ้ง ดึง “ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก” นั่งพรีเซนเตอร์ขยายฐานคนรุ่นใหม่ พร้อมปรับแผนกระจายความเสี่ยงช่องทางจำหน่ายจากตัวแทนจำหน่ายสู่หน้าร้าน ก่อนเดินหน้าแต่งตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หวังเพิ่มเงินทุนผลิตสินค้าในปี 2564

จากกรณีอาหารเสริมเมจิกสกิน ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงทำให้ปีที่ผ่านมาภาครัฐเข้มงวดเอาผิดกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ผิดกฎหมายและโฆษณาเกินจริงอย่างหนัก ส่งผลให้แบรนด์อาหารเสริมน้อยใหญ่ต่างได้รับผลกระทบในเรื่องของยอดขายและแบรนดิ้งอย่างมาก หนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกันคือ“อมาโด้” ทำให้ยอดขายหายไปมากกว่า 50% และเข้าสู่สภาวะขาดทุน ล่าสุด “อมาโด้” ปรับแผนพร้อมกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง โดยครึ่งปีแรกสามารถทำรายได้กว่า 200 ล้านบาท และพร้อมเดินหน้าต่อทันที

นายธนา ลิมปยารยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากบริษัทได้รับผลกระทบทางอ้อมของการที่ภาครัฐเข้มงวดเอาผิดกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่โฆษณาเกินจริง ส่งผลให้ภาพลักษณ์แบรนด์อมาโด้ได้รับความเสียหายรวมถึงยอดขายในปี 2561 ที่หายไปมากกว่า 100 ล้านบาท หรืออยู่ในสภาวะขาดทุน ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจึงต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของอมาโด้ว่าปลอดภัย และไม่มีสารอันตรายใดๆ รวมทั้งถูกกฎหมาย พร้อมทั้งสามารถผลักดันรายได้ของอมาโด้ปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 700 ล้านบาท

‘อมาโด้’ปรับแผน โหมรุกอาหารเสริม

ธนา ลิมปยารยะ

“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาทำให้บริษัทตระหนักถึงปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นรอบด้าน ส่งผลให้บริษัทต้องปรับแผนทำธุรกิจใหม่และกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจมากขึ้น จากเดิมที่เคยมุ่งเน้นรูปแบบวิธีการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายสัดส่วนกว่า 90% ปัจจุบันได้ลดสัดส่วนช่องทางจำหน่ายดังกล่าวลงเหลือเพียง 70% และที่เหลือ 30% หันไปมุ่งเน้นการขายผ่านช่องทางอื่นๆ เช่น ดีลเลอร์ คีออส(หน้าร้าน) และโมเดิร์นเทรด เป็นต้น”

นอกจากนี้บริษัทยังได้ตั้งเป้าหมายระยะยาวโดยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในปี 2564 เพื่อเพิ่มเงินทุนในการสร้างโรงงานผลิตสินค้าเองผลิตสินค้าคุณภาพออกมาในตลาด รวมทั้งการขยายสาขาแบรนด์อมาโด้เพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทพบว่าในช่วงที่ผ่านมาช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านหน้าร้านสามารถบริหารจัดการระบบการเงินได้ดีกว่า รวมถึงยังสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าใหม่ที่ไม่นิยมซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์

ขณะที่แผนธุรกิจในประเทศปีนี้ บริษัทได้พยามยามสร้างแบรนดิ้งให้แข็งแรงโดยการชูแบรนด์อมาโด้เป็นสินค้าสุขภาพที่มีความน่าเชื่อถือ โดยปีนี้บริษัทได้วางงบการตลาดในครึ่งปีหลังราว 30 ล้านบาทสำหรับการจ้างพรีเซนเตอร์ที่ได้ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก เข้ามาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์คอลลาเจนในปีนี้รวมทั้งประชาสัมพันธ์ โฆษณาผ่านสื่อบิลบอร์ด สื่อออฟไลน์ และรายการทีวีต่างๆ หวังเจาะคนรุ่นใหม่

 

“ปัจจุบันกระแสการใส่ใจสุขภาพได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จนกลายเป็นเทรนด์ ซึ่งผลวิจัยจาก TCDC เมื่อปี 2561 ระบุว่า ธุรกิจที่ส่งเสริมให้คนมีสุขภาพดีเติบโตขึ้นทั่วโลกถึง 10.6% หรือคิดเป็น 122 ล้านล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกปีและยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนในตลาดคอลลาเจนเองมีการเติบโตต่อเนื่อง 10-30% ต่อปี และคาดว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องไปอีก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุในอนาคต

‘อมาโด้’ปรับแผน โหมรุกอาหารเสริม

ขณะที่ในด้านของตลาดต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มขยายธุรกิจไปที่กลุ่ม CLMV โดยเริ่มขยายไปที่ประเทศ กัมพูชาเป็นการนำร่องก่อน เพราะพื้นฐานคนกัมพูชาชื่นชอบสินค้าของประเทศไทย รวมถึงเริ่มหันมาสนใจในด้านสุขภาพและความงามขึ้น รวมถึงจะขยายสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ เร็วๆ นี้ ถึงแม้ว่ากลุ่มผู้บริโภคใน CLMV จะมีกำลังซื้อค่อนข้างตํ่ากว่าเมื่อเทียบกับประเทศไทย แต่แนวโน้มทิศทางการเติบโตในอนาคตมีสัญญาณที่ดีจึงถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ท้าทาย 

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3495 ระหว่างวันที่ 11 - 14 สิงหาคม 2562