นายจาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า “ไฮเออร์” เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก คาดหวังใหม่ๆ จากแบรนด์สินค้าคำนึงถึงราคาและคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ ดังนั้นเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคนี้บริษัทจึงปรับนโยบายให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าควบคู่กับการเปิดตัวสินค้านวัตกรรมออกสู่ตลาด
“ถึงแม้ว่าการระบาดของโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อผู้บริโภค แต่บริษัทยังมียอดขายเติบโตโดยเฉพาะในกลุ่มผลิตภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและตู้เย็น โดยในช่วงครึ่งปีแรกมียอดขายเติบโต 31%”
ทั้งนี้ในครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมเปิดตัวแคมเปญเครื่องปรับอากาศ Smart Sharing AC “เย็นดีแค่ 4 บาท” พร้อมบริการและอุปกรณ์ติดตั้งฟรี มีบริการหลังการขาย รวมถึงเมื่อใช้ครบ 5,200 ชั่วโมง ควบคุม ตรวจเช็กผ่านสมาร์ทโฟน เช่น การตั้งค่า เปิดปิดเครื่อง ไปจนถึงการควบคุมเครื่อง ปรับทิศทางลม ปรับอุณหภูมิ ฯลฯ ขณะที่กลุ่มตู้เย็น จะเปิดตัวใหม่ภายใต้แนวคิดอัจฉริยะใหม่ IOT Smart Series รุ่นHRF-MD758 ด้วยจอทัชสกรีนขนาดใหญ่ พร้อมผู้ช่วยอัจฉริยะ ที่สั่งการด้วยเสียง หรือสอบถามสภาพอากาศ ที่มาหร้อมฟังก์ชัน IOT อย่างครบครัน และกลุ่มเครื่องซักผ้า ฝาบนรุ่นใหม่ รุ่น Self-cleaning ที่มี Smart Ball ที่สามารถทำความสะอาดถังซักด้านในได้ทุกครั้งที่ซักผ้า ความจุ 2 ขนาด คือ 13 และ 14 กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังมีโทรทัศน์ Android Smart AI TV เป็นโทรทัศน์อัจฉริยะที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด กริ่งประตู หรือแม้แต่ควบคุมการทำงานของระบบไฟฟ้าได้อีกด้วย
โดยบริษัทเตรียมงบการตลาด 170 ล้านบาท เพื่อสร้างการรับรู้และส่งเสริมการขายทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ขยายช่องทางการตลาด เจาะกลุ่มธุรกิจ B2B ปรับภาพลักษณ์ร้านตัวแทนจำหน่าย และพัฒนาบริการทั้งก่อนและหลังการขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มโฆษณาทางโทรทัศน์ให้กับผลิตภัณฑ์ตู้เย็น และยังคงใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ในการสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์เช่นเดิม พร้อมทั้งเสริมกลยุทธ์ผลักดันภาพลักษณ์แบรนด์ด้วย Haier Brand Shop ซึ่งปัจจุบันมีร้านไฮเออร์แบรนด์ช็อปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ในกรุงเทพฯ ควบคู่กับการปรับภาพลักษณ์ร้านตัวแทนจำหน่ายไฮเออร์ รุกช่องทางการตลาดใหม่ๆ ที่จะช่วยผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตในไทย โดยคาดว่าจะมีรายได้รวม 6,205 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน 2,940 ล้านบาท เติบโต 21% ตู้เย็น 1,160 ล้านบาท เติบโต 45% เครื่องซักผ้า 835 ล้านบาท เติบโต 37% ตู้แช่ 590 ล้านบาท เติบโต 41% เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 365 ล้านบาท เติบโต 45% และอื่นๆ 322 ล้านบาท เติบโต 65%
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,593 วันที่ 19 - 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2563