ปี 2562 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในไทยเป็นจำนวน 11 ล้านคน จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทยทั้งหมด 40 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2561ซึ่งมีจำนวน 10.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 15% ของจีดีพีประเทศ และแน่นอนว่าวิกฤติไวรัสโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศรวมถึงมาท่องเที่ยวในไทยได้ ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจีนเหล่านั้นยังมีกำลังซื้อและพร้อมที่จะเดินทางท่องเที่ยวทันทีที่เปิดน่านฟ้า
ซึ่งแม้ไทยจะไม่ใช่เดสติเนชั่นเบอร์ 1 ของนักท่องเที่ยวชาวจีน เหมือนดังประเทศญี่ปุ่น,ยุโรป และอเมริกา แต่ทว่าจากภาพรวมของประเทศไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยว การเดินทาง อาหาร รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวกลับทำให้ไทยกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกๆของชาวจีนที่นิยมเข้ามา ดังนั้น “โอกาส” ของผู้ประกอบการไทยก็จะเกิดขึ้นทันที และจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อม กระตุ้น และดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน พร้อมทั้ง “สร้างแบรนด์” เป็นหนึ่งในตัวเลือกของนักท่องเที่ยวจีนจึงเป็นสิ่งสำคัญ และด้วยปัจจัยดังกล่าวจึงเกิดเป็นงานเสวนาออนไลน์ “The Rising of Chinese Tourist Forum” ในหัวข้อ The Rebound of Chinese Travelers, The Reborn of Thai Economy เกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้ให้องค์ความรู้คำแนะนำตลอดจนสร้างโอกาสของธุรกิจไทยในจีนภายหลังการระบาดของโควิด19
นางสาวพรรณอวิกา ลิมปะพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิจิลิ้งก์ ไทยแลนด์ จำกัด บริษัทตัวแทนดิจิลิ้งก์ เอเชียอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เปิดเผยว่า การจัดงานดังกล่าวเกิดขึ้นด้วยต้องการสนองนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม ในการรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนอีกทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนแนวคิดมุมมองและประสบการณ์ในการทำตลาดในประเทศจีนที่มีกำลังซื้อสูงจากวิทยากรซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลทางความคิดและมีบทบาทในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการขับเคลื่อนต่างๆจะทำให้ผู้ประกอบการมีขวัญและกำลังใจและเล็งเห็นถึงช่องทางในการพลิกฟื้นธุรกิจให้กลับมาหลังจากเกิดวิกฤติไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ตามหัวหอกหลักของการฟื้นท่องเที่ยวไทยกับการกระตุ้นนักท่องเที่ยวชาวจีน ในโลกยุคหลังโควิด 19 นี้ จำเป็นต้องอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดและเครื่องมือเข้ามาช่วยในการตัดสินใจ โดยมี “ดิจิตอลแพลตฟอร์ม” และเครื่องมือสำคัญอย่าง “สมาร์ทโฟน” ในการฝ่าด่าน China Digital War ให้ได้ ภายใต้กลยุทธ์ "6I" ซึ่งประกอบไปด้วย Impact,Inspire, Inform,Impusle,Immerse และ Improove ในการสร้างการรับรู้และเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนผ่าน KOL รวมถึงการร่วมมือกันจัดแคมเปญในการเข้าถึงกลุ่มชาวจีนรุ่นใหม่ที่ว่ากันว่านิยมใช้มือถือ (สมาร์ทโฟน) ในการท่องเที่ยวสูงถึง 85% และใช้ค้นหาร้านอาหาร แผนที่มากกว่า 10 ครั้งต่อวัน และใช้มากสุดระหว่างเวลา 10.00-22.00 น.
++สร้างแบรนด์ไทยกรุยทางท่องเที่ยว
ไม่เพียงกลยุทธ์ทั้ง 6 P ข้างต้นเท่านั้น หากแต่การสร้างแบรนด์ในจีนพร้อมๆกับการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนมองเห็นประเทศไทยในการเป็นสถานที่ลำดับต้นๆในการมาท่องเที่ยวและจับจ่าย จำเป็นต้องการมีการสร้าง “แบรนด์ไทย” ให้เป็นติดตลาด เพื่อ “ดึงดูด” นักท่องเที่ยวชาวจีนมากขึ้นให้อยากเข้ามาสัมผัสโดยอาศัย “ประสบการณ์” การชี้แนะจากแบรนด์ดังที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดในจีนมาแล้ว
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานีจำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวิกฤติหลังโควิด 19 สิ่งสำคัญ คือ ต้องหาจุดสมดุลให้เจอระหว่างความปลอดภัย และเศรษฐกิจ ซึ่งธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบ ต้องใช้ Service Mind อย่างมากในการดึงดูดลูกค้าให้ออกมาใช้บริการ ดังนั้นทางโรงแรมจึงมีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมืออย่างเต็มที่ ผ่านนโยบายด้านหลักๆซึ่งประกอบไปด้วย การเอาใจใส่,ให้ความเคารพ,การตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล (เพอร์เซอร์นอลไลซ์),ความอบอุ่นเหมือนบ้าน และยังรวมไปถึงความรอบคอบในการให้บริการ ด้วยการดึง “จุดขาย” และ “จุดเด่น” มาเป็นหัวหอกหลัก ควบคู่กับการผนึกพาร์ทเนอร์ สร้างสตอรี่ด้านการท่องเที่ยว ทั้งเรื่องของ Wellness / Health ศิลปะวัฒนธรรม เข้ามาเป็นตัวผสาน
นางสาวอลิสา พันธุศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิฟฟานี่โชว์ พัทยา จำกัด เผยต่อว่า ยุทธ์ศาตร์หลักในการสร้าง Entertainment Experience ที่ทำให้แบรนด์ Tiffany Show ประสบความสำเร็จ และสามารถกำหนด Value ได้ด้วยตัวเอง พร้อมกันนี้ยังมีการขยายไลน์การแสดงของบริษัท และระบบการจองตั๋วไปยังช่องทางออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารการแสดงผ่านช่องทาง Online Live รวมทั้งการใช้นักแสดงของทิฟฟานีมาเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ของแบรนด์ในการสร้างการเข้าถึงไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนอีกด้วย
นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า การขยายตลาดสู่เมืองจีนของมิสทิน ให้ความสำคัญกับการสร้างคอนเทนต์ และสร้างการรับรู้แบรนด์ เพราะนี่คือปราการด่านแรกที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และติดตลาดได้ ซึ่งการจะประสบผลสำเร็จในส่วนนี้จำเป็นต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างการสร้าง “แบรนด์” และ “โปรโมชั่น” ให้สมดุล เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าในระดับที่เหมาะสมในการทำตลาด
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เผยว่า การสื่อสารและเปิดใจอย่างตรงไปตรงมา จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับเข้ามาภายใต้วิถี New Normal และต้องมีการเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา
นายพลพัฒน์ อัศวะประภา นายกสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพ (BFS) เปิดเผยว่า สิ่งที่จะทำให้แบรนด์แฟชั่นไทยโดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งทั่วโลก คือการรู้จัก Insight ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นกลยุทธ์เด็ดที่จะนำรายได้เข้าสู่ประเทศ โดยกลุ่มสินค้าแฟชั่นถือเป็นตลาดค่อนข้างนิช ดังนั้นการทำตลาดคือทำอย่างไรจะไปสยายปีกในจีนอย่างช้างหรือช้างเผือก เพราะหากแบรนด์ไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของตัวเองได้ การไปตลาดจีนที่มีผู้เล่นหลายพันแบรดน์ก็เท่ากับการไปเพื่อให้แบรนด์อื่นเขี่ยทิ้งเวทีการแข่งขัน
นี่คือ “สูตรลับ” และ “บทเรียน” ครั้งสำคัญของผู้ประกอบการไทย ในการฟื้นวิกฤติและเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวให้กลับมา พร้อมทั้งมีไทยเป็นตัวเลือกลำดับแรกๆในการท่องเที่ยวของโลกหลังยุคโควิด19