ท่องเที่ยวตื่นรับเปิดประเทศ ภูเก็ตระดมฉีดวัคซีนตั้งเป้าทั้งจังหวัด ตอกย้ำความมุ่งมั่น เชียงใหม่เล็งหาพื้นที่ทำ Sandbox ควบคู่แก้อุปสรรคดึงนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ทุกรูปแบบ
ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มมีความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวเมืองท่องเที่ยวที่พึ่งพาทัวริสต์ต่างชาติเป็นหลัก เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบศ.) เมื่อ 26 มีนาคม 2564 เห็นชอบแนวทางการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ครบโดสแล้ว สามารถมาเที่ยวไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2564 นำร่องที่จังหวัดภูเก็ตก่อนเป็นแห่งแรก ก่อนขยายไปยังจังหวัดอื่น ๆ ที่มีความพร้อมต่อไป
เรื่องนี้จะทำเป็น Sandbox หรือจำกัดพื้นที่เพื่อทำการทดสอบ โดยจะต้องมีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในจังหวัด ให้ได้อย่างน้อย 70% ก่อน เป็นจังหวัดที่มีสนามบิน และเปิดให้ท่องเที่ยวได้ในพื้นที่ หรือเส้นทางที่กำหนดไว้ หากครบ 7 วันไม่มีการติดเชื้อแน่นอน ก็สามารถเดินทางได้ทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่ห้องประชุมอาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมด่วน เพื่อหารือแผนการให้บริการจัดสรรวัดซีนต้านโควิด-19 ตามแผนการที่รัฐบาลจะนำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่รับวัคซีนแล้วเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว นำร่องพื้นที่เกาะภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564
ที่ประชุมมีข้อสรุปว่า ชาวภูเก็ตในฐานะเจ้าบ้านควรฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ทุกคน เพื่อความปลอดภัยของชาวภูเก็ตเอง และ โดยมีข้อสรุปให้ชาวภูเก็ต และเพื่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในเกาะภูเก็ต เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตกลับมาเหมือนเดิมโดยเร็ว
ที่ประชุมยังหารือถึงการเตรียมการระดมฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในธุรกิจโรงแรมและที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ซึ่งผู้แทนหน่วยงานองค์กรที่ร่วมประชุม เห็นพ้องร่วมกันที่จะรณรงค์ให้พนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้องลงทะเบียน แจ้งความจำนงขอรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดและเร็วที่สุด ตั้งเป้าจะฉีดได้ 100,000 คนภายในเมษายน 2564
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการรับวัคซีนที่ทางรัฐบาลจัดสรรให้ล็อตแรกจำนวน 100,000 โดส เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และรวดเร็วทันต่อยุทธศาสตร์ #phukettourismsandbox และเป็นการแสดงความตั้งใจให้รัฐบาลเขื่อมั่น ว่าประชาชนคนภูเก็ตพร้อมใจที่จะร่วมมือกันฉีดวัคซีนทุกคน และให้เป็นไปตามแผนที่รัฐบาลจะจัดสรรวัคซีนมาให้ในเดือนพฤษภาคม 2564 อีก 300,000 โดส มิถุนายน 260,000 โดส และเดือนกรกฏาคม 2564 อีก 260,000 โดส รวมเป็นทั้งสิ้น 920,000 โดส
ที่ประชุมย้ำว่า หากคนภูเก็ตสมัครใจฉีดวัคซีนน้อย จะมีปัญหาใหญ่มากที่จะเปิดเกาะให้ทันตามแผนในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ จึงเร่งระดมรายชื่อลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.ภูเก็ตต้องชนะ.com เพื่อรับการฉีดวัคซีน ตั้งแต่วันที่ 27- 31 มี.ค. (5 วัน) ถ้าไม่ได้ 50,000 คน ทางภูเก็ตเกรงว่าการจัดสรรวัคซีนของรัฐล็อตต่อๆ ไปอาจไม่ได้ตามแผนที่วางไว้
ที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำคณะมาประชุมร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ พร้อมปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะเพื่อให้การท่องเที่ยวช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยเชียงใหม่เป็น 1 ใน 5 จังหวัดเป้าหมายนำร่อง ร่วมกับภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ และชลบุรี
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่จะต้องคัดเลือกพื้นที่ Sandbox ซึ่งควรเป็นพื้นที่ทั้งอำเภอ แต่ต้องมีการหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและฝ่ายความมั่นคงก่อน ว่าหากทำแล้วจะมีแนวทางป้องกันอย่างไร สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ Sandbox ดังกล่าว และการควบคุมนักท่องเที่ยวที่เข้าไปอยู่ใน Sandbox ไม่ให้ออกนอกบริเวณที่กำหนด และหากทำได้เชื่อว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเชียงใหม่ เรียกร้องให้กลับมาเปิดเส้นทางบินข้ามภูมิภาคโดยเร็ว พร้อมกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งไทยเที่ยวไทย และการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ โดยร่วมกันวางมาตรการระวังภัยจากโควิด -19 เพื่อดึงเศรษฐกิจกลับคืนมา
พร้อมกันนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของมัคคุเทศก์ เรื่องการต่อใบอนุญาต การเปิดอบรม และการขอวัคซีนให้กับมัคคุเทศก์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แจ้งว่า ขณะนี้อธิบดีกรมการท่องเที่ยวรับทราบข้อมูลแล้ว และอยู่ระหว่างการหารือแนวทางผ่อนผัน ส่วนเรื่องของวัคซีนอยากให้มัคคุเทศก์ทั้งหมดในประเทศ เร่งสื่อสารข้อมูลความต้องการไปที่สมาคมหรือกรมการท่องเที่ยว เพื่อรับการสนับสนุนต่อไป
ในส่วนของเรื่องรถยนต์ผ่านแดน ได้มีการหารือกับกระทรวงคมนาคม ว่าจะจัดตั้งศูนย์บริการร่วมของหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง (Third Party) ไว้ที่คุนหมิง หรือสิบสองปันนา เพื่อสะดวกสำหรับชาวจีนที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยการขับรถผ่านทางจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้จะได้หาวิธีการขออนุญาตล่วงหน้า หรือการฝึกอบรมเพื่อทำใบขับขี่
กรณีใบขับขี่ชั่วคราวสำหรับการขับเข้ามาในประเทศไทย ได้หารือกับกระทรวงคมนาคมแล้ว แต่เจอการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อน เลยต้องชะลอไป ซึ่งโครงการนี้ทางคุนหมิงได้เสนอว่า หากประเทศไทยยังไม่พร้อมทางคุนหมิงยินดีที่จะจัดตั้ง Third Party เพื่อจัดฝึกอบรมให้เป็นไปตามที่กฎหมายของประเทศไทยกำหนด
หน้า 17 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,666 วันที่ 1 - 3 เมษายน พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง