คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,516 ระหว่างวันที่ 24-26 ตุลาคม 2562 โดย....พริกกะเหรี่ยง
ไฮสปีดเทรนด์เชื่อม 3 สนามบิน บูมอีอีซี
.....ในที่สุดรถไฟความเร็วสูงของเจ้าสัว “ซีพี” ก็ได้ฤกษ์เปิดหวูดหลังเจรจายืดเยื้อยาวนานข้ามปี วันที่ 24 ตุลาคมนี้ “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” พร้อมพันธมิตรถือเอาดีฤกษ์มงคลวัน “ปิยมหาราช” เซ็นสัญญากับการรถไฟฯ ลงทุนโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน อู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง มูลค่า 2.24 แสนล้านบาท สัมปทาน 50 ปี จากเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะจดปากกากันในวันที่ 25 ตุลาคม แต่คราวนี้มาแปลกเป็นการเลื่อนให้เร็วขึ้น
.....ถือเป็นข่าวดีต่อโครงการ “อีอีซี” เพราะไฮสปีดเทรนถือเป็นหัวใจหลักของโครงการนี้หากไม่มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยง โครงการเกิดยากและต้องใช้เวลา ดึงทุนต่างชาติยาก แต่เบื้องหลังกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ยิ่งกว่า “มหากาพย์” เพราะติดขัดในเรื่องปัญหาการเคลียร์พื้นที่ การโยกย้ายรื้อสิ่งปลูกสร้างบ้านเรือนที่รุกล้ำออกจากพื้นที่ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ของการก่อสร้างที่พบว่ามีถึง 230 จุดที่เป็นปัญหาต้องรื้อถอนให้พ้นเส้นทางการเวนคืนพื้นที่
.....แต่เมื่อประชุมกันหลายยกและนายกฯ “บิ๊กตู่” นั่งหัวโต๊ะถึงกับออกปากและย้ำว่าต้องให้ความสะดวกแก่เอกชนในการลงทุน แถมยังได้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ออกโรงมาช่วย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ไขลานอีกทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาบูรณาการกันแก้ปัญหาทั้งเรื่องท่อขนส่งน้ำมัน ปตท. กรมการขนส่งทางบก และอื่นๆ จนเสด็จน้ำ ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องไม่ให้ผิดเพี้ยนจาก REP เดิม รวมถึงการแต่งตั้งบอร์ดชุดใหม่ “รฟท.” อย่างรวดเร็วทันใจหลังชุดเก่าพร้อมใจกันไขก๊อก
.....ทั้งย้ำนักหนาว่าไม่มีการเอื้อประโยชน์กับเอกชน แต่ถ้าหากเกิด "แอกซิเดนต์" เจอปัญหาส่งมอบที่ดินล่าช้า ทำให้โครงการดีเลย์จะชดเชยด้วยการขยายระยะเวลาสัมปทานออกไปซึ่งอยู่ในหลักการที่ทำได้และทำกันมาหลายยุค ไม่มีการจ่ายเป็น "ตัวเงิน" เห็นแบบนี้แล้วค่อยเบาใจไปเปลาะหนึ่งว่า เมกะโปรเจ็กต์ใหญ่ขนาดนี้คงไม่เกิดดราม่า “ค่าโง่” ตามมาในภายหลัง เพราะได้กันไว้ล่วงหน้าแล้ว
.....ตามไทม์ไลน์คนไทยคงได้ตีตั๋วรถไฟ ช่วงอู่ตะเภา-สุวรรณภูมิ ในอีก 4 ปีข้างหน้าหรือราวปี 2566-2567 ส่วนช่วง พญาไท-ดอนเมืองก็น่าจะเป็นปี 2567-2568 และแน่นอนว่าเมื่อรถไฟความเร็วสูง “ตอกเสาเข็ม” เมื่อไร ราคาที่ดินในพื้นที่ 3 จังหวัดคงพุ่งพรวด! ตามความเร็วรถไฟ พร้อมกับการลงทุนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะตามมาติดๆ โดยเฉพาะตามสถานีหลักที่จะเป็นจุดกระจายคน
.....เมื่อแม่เหล็กใหญ่ “ไฮสปีดเทรน” แจ้งเกิด โครงการที่จะต้องพัฒนาไปพร้อมๆ กับการพัฒนาเมืองการบินอู่ตะเภา ซึ่ง “กองทัพเรือ” เดินหน้าเปิดซอง 3 ซึ่งเป็นซองราคาแล้วและกลุ่ม “บีบีเอส จอยท์ เวนเจอร์” ซึ่งมีพันธมิตรเป็นเจ้าสัวบีทีเอส -คีรี กาญจนพาสน์,หมอเสริฐ ปราสาททองโอสถ - บางกอกแอร์เวย์ส และ ซิโน-ไทย เสนอราคาสูงถึงแสนล้านทิ้งห่างกลุ่ม แกรนด์คอนโซเตียม เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา
.....วันเดียวกับกลุ่ม“ซีพี”ได้ยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวกับศาลปกครองสูงสุดและศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ตามไทม์ไลน์ “กองทัพเรือ” ตั้งใจว่าจะคัดเลือกให้ได้ผู้ชนะภายในเดือนพฤศจิกายน และกะจะปิดจ็อบ ลงนามสัญญาร่วมทุนต้นปีซึ่งแน่ชัดว่ากลุ่ม “บีทีเอส” ที่เสนอราคาสูงสุด อาจจะไม่ใช่ผู้ชนะประมูล ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำตัดสินออกมาตามที่กลุ่ม “ซีพี” ร้อง โครงการนี้ก็รอไปก่อน และเผลอๆ "เจ้าสัวซีพี" อาจกินรวบทั้งไฮสปีดและเมืองการบินก็เป็นได้
.....“มยุรี ชัยพรหมประสิทธิ์” จัดงาน “Siam Paragon presents Rilakkuma World Happiness Town” ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับประสบการณ์ความสนุกในโลกแห่งความสุขของรีลัคคุมะยักษ์ขนาด 4 เมตร และไฮไลต์ 5 โซนกิจกรรมพิธีเปิด จะมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม นี้ ณ พาร์ค พารากอน ชั้น M สยาม พารากอน
.....“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงาน“The Next Evolution of World Class Logistics Solution” ในโอกาสครบรอบ 60 ปี กลุ่มบริษัทสามมิตรฯ ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการและงานฟอรั่ม ด้านเทคโนโลยียานยนต์โลจิสติกส์แห่งอนาคต โดยมี “ดร.ปริญญ์ พานิชภักดิ์” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ให้เกียรติปาฐกถาพิเศษ พร้อมผู้บริหารระดับสูง อาทิ ยงยุทธ โพธิ์ศิริสุข ซีอีโอ สามมิตร กรุ๊ป รศ.ดร.ณัฐสิทธิ์ เกิดศรี - ไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์-อัศนีย์ วิภาตเวทย์ และพันธมิตรให้เกียรติเข้าร่วมงาน วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม เวลา 13.00-17.00 น. ณ ฮอลล์ 9-10 อิมแพ็คเอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ เมืองทองธานี