คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย... ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน
หน้า 4 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3571 วันที่ 3-6 พฤษภาคม 2563
การระบาดของไวรัสโคโรนาของโลกในครั้งนี้ไม่รู้จะจบเมื่อใด แต่จีนได้แสดงถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาวิกฤติได้เป็นอย่างดี และประกาศปลดล็อกการปิดเมืองทั้งหมดของจีนแล้วเมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
จีนทำได้อย่างไร และทำอะไรบ้างเพื่อเตรียมการเปิดเมือง วันนี้ ผมจะพาท่านผู้อ่านไปถอดบทเรียนนี้กันครับ เพราะไทยเองก็ต้องเตรียมปลดล็อกเช่นกันในอนาคต
การปิดเมืองอู่ฮั่น...มาตรการเข้มที่ยากปฏิเสธ
ภายหลังการปิดเมืองอย่างต่อเนื่องถึง 76 วัน เมืองอู่ฮั่นจุดศูนย์กลางของการแพร่ระบาดและมีระดับความรุนแรงมากที่สุด ก็เปิดประตูเมืองอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเสมือนการประกาศชัยชนะของจีนเหนือโควิด-19 ก็ว่าได้
ลองคิดดูว่า ชาวเมืองอู่ฮั่น ยกเว้นกลุ่มคนที่ได้รับอนุญาต เช่น บุคลากรทางการแพทย์ และลอจิสติกส์ ต้องทนกับมาตรการล็อกดาวน์สุดเข้มข้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพราะต้องทนอยู่แต่ในบ้านแบบเกือบ 24 ชั่วโมง ยาวนานถึงราว 11 สัปดาห์นับแต่วันที่ 23 มกราคม ซึ่งถือเป็นช่วงวันสุกดิบของเทศกาลตรุษจีนถึงราวเทศกาลเชงเม้งกันทีเดียว
ตัวแทนสมาชิกเพียงหนึ่งคนต่อครอบครัวเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ออกไปซื้อหาอาหาร เวชภัณฑ์ และสิ่งจำเป็นได้เพียงครั้งเดียวในทุก 72 ชั่วโมงหรือ 3 วันต่อครั้ง ทันทีที่เปิดประตูห้อง สัญญาณจะถูกส่งไปที่สถานีตำรวจและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ถ้าออกมาก่อนกำหนดเวลาดังกล่าว ก็จะถูกลงโทษ
ท่านผู้อ่านที่อาศัยอยู่ในคอนโดที่มีขนาดพื้นที่ห้องไม่ใหญ่มากนักในห้วงนี้น่าจะเข้าใจถึงความรู้สึกชาวเมืองอู่ฮั่นในช่วงเวลาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
ผู้บริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ อาทิ คอนโดมิเนียมของแต่ละโครงการ ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ที่หน้าประตูหลักและจดบันทึกการเข้าออกของผู้พักอาศัยโดยละเอียด เพื่อรายงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ผ่านมาตรวจสอบความเรียบร้อยเป็นระยะ
โชคดีที่โลกดิจิตัลของจีนเติบใหญ่และแพร่หลายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่มีพนักงานที่ปลอดเชื้อมาจัดส่งให้ ตู้จำหน่ายสินค้าสมัยใหม่ที่วางกระจายตามแหล่งชุมชนในเมือง ช่วยลดการระยะห่างของผู้คนและบรรเทาปัญหาการแพร่ระบาดไปได้มาก
เปิดเมืองอู่ฮั่น...การเดินข้ามลำธารโดยใช้เท้าสัมผัสหิน
ในการเปิดเมืองอู่ฮั่น รัฐบาลจีนวางแผนและดำเนินการอย่างมีขั้นมีตอน จีนผ่อนคลายกฎระเบียบที่ครั้งหนึ่งเข้มงวดมากสุดแห่งหนึ่งในจีนและเปิดเมืองเปิดกว้างขึ้นโดยลำดับ
นอกจากผลประโยชน์ในมิติเศรษฐกิจที่ต้องให้ความใส่ใจแล้ว ในอีกด้านหนึ่งรัฐบาลก็ต้องการให้มั่นใจว่าการเปิดเมืองจะไม่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดอีกระลอก ซึ่งจะส่งผลเสียอย่างมากในภาพใหญ่ จึงเห็นการกำหนดให้คนที่จะออกมานอกที่พักต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
ผู้ดูแลอสังหาริมทรัพย์ต้องกำกับดูแลการเข้าออกของแต่ละคน โดยต้องตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายทุกวัน และรวบรวมข้อมูลชื่อนามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ และรายงานให้ภาครัฐทราบ เกือบทุกหลังคาเรือนยังมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และคัดแยกผู้ติดเชื้ออยู่เป็นระยะ
มาตรการกำกับตรวจสอบดังกล่าวก็ขยายต่อไปยังโรงแรม ร้านขนาดใหญ่ และสถานที่สาธารณะอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา
อีกเรื่องที่จีนเก่งมาก รัฐบาลจีนบริหารจิตวิทยามวลชนที่ยอดเยี่ยม ตัวอย่างเช่น การที่ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้บริหารในแต่ละระดับจะจัดประชุมทางไกลให้กำลังใจแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์อื่นในพื้นที่เป็นระยะ
หรือทันทีที่รับรู้ถึงระดับความอึดอัดของการโดนกักบริเวณและขวัญผวากับวิกฤติโควิด-19 อยู่เป็นเวลานาน ชาวเมืองก็ได้รับกำลังใจจากท่านสี จิ้นผิงที่นำทีมคณะผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลบินลัดฟ้ามาลงพื้นที่ และเดินโบกมือให้ชาวเมืองอู่ฮั่นตามอพาร์ทเม้นต์ในวันที่ 10 มีนาคม
หรือเมื่อจำนวนคนไข้ที่ติดเชื้อลดจำนวนลง รัฐบาลก็จัดให้คณะบุคลากรทางการแพทย์เวียนกันไปพักผ่อนและเยี่ยมชมสวนดอกท้อที่งดงามของเมือง
2 สัปดาห์ก่อนเปิดเมืองเต็มตัว ถนนหนทางถูกทยอยเปิดเป็นส่วนๆ เพื่อคัดกรองและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดในวงกว้าง รถเมล์ประจำทางภายในเมืองเริ่มออกมาให้บริการ และตามด้วยรถไฟใต้ดินใน 3 วันต่อมา รถยนต์ส่วนตัวออกมาสัมผัสถนนหลังจากห่างหายไปนาน ขณะที่ธุรกิจและร้านขายสินค้าทั่วไปเริ่มทยอยกลับมาเปิดอีกครั้ง
ชาวอู่ฮั่นเริ่มสามารถใช้ชีวิตภายนอกได้ในพื้นที่วงแคบๆ อาทิ ภายในเขตเมือง ตำบล หมู่บ้านของตนเอง โดยในช่วงนั้น แต่ละครอบครัวได้รับการจัดสรรโควต้าให้ 1 คนออกมานอกที่พักอาศัยได้คนละ 2 ชั่วโมงต่อวัน ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวต้องมี Anti-Virus Code หรือ Health Code ซึ่งเป็นมินิแอพในโปรแกรมประเมินระดับความเสี่ยงติดเชื้อ (เขียว-เหลือง-แดง) ของอาลีเพย์และวีแชตในโทรศัพท์มือถือเป็นสีเขียว
เรายังเห็นการทยอยปิดโรงพยาบาลสนามที่สร้างขึ้นเฉพาะกิจในห้วงแรกของการแพร่ระบาดจนหมดในสิ้นเดือนมีนาคม สิ่งนี้เป็นเสมือนกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ที่ประกาศชัยชนะเหนือโควิด-19
ครั้นเข้าสู่ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเปิดอู่ฮั่นเต็มรูปอย่างเป็นทางการ ชาวเมืองก็ได้รับอนุญาตให้ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ ผู้คนออกมาเดินเล่นชื่นชมบรรยากาศในเมือง ได้เห็นความงดงามของวิวทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียงอีกครั้ง บ้างก็ไปนั่งตกปลาและดูพระอาทิตย์ตกดินที่ตงหู (ทะเลสาบฝั่งตะวันออก) ของเมือง
บางคนถึงขนาดอุทานว่า เพียงสองเดือนที่พวกเขาห่างหายไป ไม่คิดว่าต้นไม้ในเมืองจะเติบโตเร็วขนาดนี้ บางส่วนก็ใช้ช่วงเวลานี้ออกไปซื้อหาอาหารที่ชื่นชอบตามท้องถนน ขณะที่คนสูงอายุจำนวนมากก็ออกมาจับกลุ่มพูดคุยและเต้นรำอย่างที่เคย
ในวันที่ 3 เมษายน โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในอู่ฮั่นนับหมื่นแห่งก็ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดสายการผลิตอีกครั้ง โครงสร้างพื้นฐานที่ดำเนินการยังไม่แล้วเสร็จก็ได้รับการสานต่อ แรงงานที่เกี่ยวข้องเหล่านี้ถูกตรวจเนื้อเยื่อหลังจมูกเป็นประจำทุกวัน แต่อย่างน้อยก็ทำให้อู่ฮั่นได้กลับมาสู่การเป็นฐานการผลิตสำคัญของจีนอีกครั้ง
รัฐบาลยังได้เคลื่อนย้ายคนงานจำนวน 1,000 คนที่ถูกคัดกรองความปลอดเชื้อไวรัสเข้ามาเมืองโดยทางรถไฟ และช่วยเหลือเรื่องการจัดระเบียบการเคลื่อนย้ายเครื่องหมายการจราจรและอุปกรณ์อื่นในช่วงวันที่ 4-5 เมษายน
หนึ่งวันก่อนที่จะเปิดเมือง ชาวจีนได้รับข่าวดีกันถ้วนหน้า เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เสียชีวิตของจีนก็ลดลงจนเป็นศูนย์เป็นครั้งแรกนับแต่เริ่มการประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อ