“ประชาชน ได้ยินบ่ เขาทำท่าจะนอนค้างคืน
ทำตัวลื่น ติดลม เปี่ยมเล่ห์กล ในยามเผลอ
รัฐมนตรี เสนาบดี ออกลีลา ปนเสียงเรอ
เล่นทีเผลอ แอบกั๊กงบ สลบกันทั้งเมือง”
เรื่องใหญ่ที่ใครๆ ต่างหลงลืมเรื่องหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นจนผู้คนปรบมือดังสนั่นให้กับคณะรัฐมนตรี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สร้างความหวังให้กับผู้คนในประเทศ ด้วยการมีมติให้รัฐมนตรี หน่วยงานของรัฐในทุกกระทรวง ทบวง กรม ตัด ปรับลด งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 จำนวน 100,395 ล้านบาท ออกมาเพื่อโอนงบก้อนดังกล่าวมาใช้ในการแก้ปัญหาวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด-19
กำลังกลายเป็นปมใหญ่ให้รัฐบาล และตัวลุงตู่ นายกรัฐมนตรี ต้องสังเวยบาดแผล ในเวทีประชุมสภาสมัยสามัญ ที่จะเปิดพิจารณาและอภิปรายกัน ในวันที่ 27-30 พฤษภาคม 2563 นี้
ทำไมเป็นเช่นนั้น เพราะในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 คณะรัฐมนตรีลุงตู่มีมติและแถลงให้ประชาชนรับทราบว่า “รัฐบาลตระหนักรู้ เห็นถึงพิษแผลจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศจำนวนมหาศาล จึงเห็นชอบให้พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ที่ผ่านสภาไปแล้วเสียใหม่ เพื่องบประมาณก้อนหนึ่งที่จัดทำขึ้นและไม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นมาใช้แก้ปัญหาประเทศ ด้วยการออกพระราชบัญญัติ โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. …. จำนวน 100,395 ล้านบาท มาใช้ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที”
มติ ครม.ในวันนั้นลงลึกไปในรายละเอียดในการชี้แจงกับประชาชนว่า งบประมาณที่จะปรับลด ตัด โอนมาใช้จำนวน 100,395 ล้านบาท มาจากงบ 4 กลุ่ม ดังนี้
1. งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ 46,923 ล้านบาท
2. งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ 14,236 ล้านบาท
3. งบประมาณรายจ่ายทุนหมุนเวียน 2,622 ล้านบาท
4. งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ 36,612 ล้านบาท
งบประมาณรายจ่ายที่นำมาจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่ายก้อนนี้จะถูกนำไปตั้งเป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือเยียวยา และบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และปัญหาภัยพิบัติ ภัยแล้ง อุทกภัย ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 รวมทั้งกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นอื่น
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2563 ที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นให้สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 77 วรรค 2 ต่อจากนั้น สำนักงบประมาณจะเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. …. พร้อมเอกสารประกอบต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบอีกครั้งในวันที่ 19 พฤษภาคม 2563 เพื่อจะได้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวาระที่ 1, 2 และ 3 ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 และคาดว่า จะประกาศบังคับใช้ได้ประมาณกลางเดือนมิถุนายน 2563
มติครม.แบบนี้ ได้ทำให้ภาพการทำงานของรัฐบาลลุงตู่ดูดี มีฐานานุรูปขึ้นมาอย่างแจ่มจรัส เพราะผู้นำประเทศ และบรรดารัฐมนตรี ได้ปรับกระบวนการทำงานที่สอดรับกับสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ยึดติดกับกรอบการทำงานราชการแบบเดิม ที่ไม่ได้ตอบโจทย์ของประเทศ ที่กำลังเผชิญหน้ากับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในประเทศ
ระยะเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่ร้าวรานใจผู้คนในประเทศที่เริ่มเข้าสู่โหมดไม่มีเงินจะกิน ซึ่งสะท้อนภาพออกมาให้เห็นจากจำนวนประชากรของประเทศ 65 ล้านคน เข้ามาขึ้นทะเบียนขอรับเงินเยียวยาคนละ 5,000 บาท กันมากมาย 28.8 ล้านคน และกำลังดำเนินการเยียวยาเกษตรกรอีก 8-10 ล้านครัวเรือน
19 พฤษภาคม 2563 เหตุการณ์กลับตาลปัตร “ความหวังประชาชนถูกดับสนิท” จากมติที่ไม่มีใครสนใจ นั่นคือคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. …. และเอกสารประกอบ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรตามขั้นตอนต่อไป
สาระสำคัญผมสรุปให้เห็นดังนี้ 1.สำนักงบประมาณจัดทำข้อเสนอให้นำงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ งบประมาณรายจ่ายสำหรับทุนหมุนเวียน และงบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ เพื่อนำไปจัดทำร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. โดยไปตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่ายสำหรับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งต้องเสนอร่างพระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. …. ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 มาตรา 35 (1) ไว้เรียบร้อยแล้ว
2. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของหน่วยรับงบประมาณที่จะมีการโอนงบประมาณ มีจำนวนทั้งสิ้น 88,452.5979 ล้านบาท
จำแนกกลุ่มออกมาได้ ดังนี้ งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ (Function) จำนวน 39,893.1111 ล้านบาท
งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ (Agenda) จำนวน 13,256.4868 ล้านบาท
งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ เป็นรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 35,303.0000 ล้านบาท
3.งบประมาณรายจ่ายที่มีการโอนงบประมาณทั้งหมด ให้ตั้งไว้เป็นงบประมาณรายจ่ายสำหรับงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นทั้งจำนวน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนในการแก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมทั้กรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็น
ระยะเวลา 1 เดือน จำนวนการปรับลดและโอนงบประมาณ เพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ หายไปจากที่รัฐบาลลุงตู่ได้เคยประกาศถึง 11,943 ล้านบาท
สะท้อนให้เห็นว่า บรรดารัฐมนตรีในรัฐบาลลุงตู่ ไม่รู้เหนือรู้ใต้ หวง และกั๊ก งบประมาณรายจ่ายประจำปีไว้ใช้จ่ายตามแผนงานดั้งเดิมที่ไม่ได้นำผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิดมากำหนดยุทธศาสตร์
ตายเป็นตาย ฉันก็ไม่ให้งบประมาณรายจ่ายของฉัน...ประชาชนได้บินบ่ เขาทำท่าจะมาค้างคืน
ประเทศชาติ ประชาชน จะพึ่งน้ำยา “รัฐมนตรี” รัฐบาลลุงตู่ได้มั่ยเนี่ย
และคอยดูการที่รัฐมนตรีไม่ยอมปรับลดงบประมาณลงมา เพื่อนำมาใช้เยียวยาเศรษฐกิจ แต่ยอมไปกู้เงินก้อนโตเป็น 1 ล้านล้านบาท จะถูกถล่มจากสภาเละตุ้มเป๊ะแน่นอน