เลิกโง่แล้ว โฮปเวลล์

05 ก.ค. 2563 | 03:00 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ค. 2563 | 10:01 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3589 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 5-8 ก.ค.63 โดย... กาแฟขม

เลิกโง่แล้ว โฮปเวลล์

 

   *** หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับ 3589 ระหว่างวันที่ 5-8 ก.ค.2563 เข้มคลั่กด้วยข้อมูลข่าวสาร วิเคราะห์ เจาะลึก ครบครันทุกอรรถรส

   *** น่าจะเป็นข่าวดีหรือแนวโน้มดีไม่ใช่น้อย สำหรับค่าโง่ในโครงการอภิมหาโปรเจคต์อย่างโฮปเวลล์ ที่อนุญาโตตุลาการตัดสินให้รัฐจ่ายค่าโง่ให้เอกชนเป็นหมื่นล้าน แต่ค่าโง่อาจไม่ต้องจ่ายเมื่อคดีส่อพลิก โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ยื่นฟ้องกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจบริษัท รับจดทะเบียนทั้งบริษัทไทยและต่างด้าว บังเอิญบริษัทโฮปเวลล์จดทะเบียนเป็นบริษัทต่างด้าว ซึ่งต้องห้ามตาม บัญชี ข. อันเป็นบัญชีสงวนว่าด้วยการขนส่ง หมายความว่าจดทะเบียนผิดกฎหมายพ.ร.บ.ธุรกิจต่างด้าว ที่ห้ามต่างชาติทำตั้งแต่ต้น พูดง่ายๆ ว่าจดไม่ได้ เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นมือ มาทำสัญญาประกอบการงานก็ผิดอีกโมฆะอีก เมื่อโมฆะ รัฐก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายอย่างที่พยายามกันแต่อย่างใด ต้องยกความดีความชอบการตรวจสอบสัญญาข้อกฎหมายโดยละเอียดให้กับ ทีมพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดหลับ อดนอน ดูข้อกฎหมายกันหามรุ่งหามค่ำ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูกันที่ศาลอีกที

   *** เอกชนคู่สัญญาตอนนี้ โปรดอย่าย่ามใจว่าสู้ได้แน่ ในประเด็นข้างต้น ยังมีพิรุธ บกพร่องที่ทีมกฎหมาย ร.ฟ.ท.และกระทรวงคมนาคมเห็นแล้วอยู่หลายประการ ต้องไม่ลืมว่าการเคลมค่าเสียหายให้รัฐชดเชยหมื่นกว่าล้านนั้น ต้องยื่นใบเสร็จ กลับไปดูยื่นใบเสร็จอะไรไว้ ที่ไม่เกี่ยวข้องโครงการแล้วนำมาเคลมด้วยหรือไม่ แว่วว่าที่แสดงใบเสร็จเกี่ยวข้องโครงการจริงแค่พันกว่าล้าน ใจคอจะเรียกเก็บจากรัฐเป็นหมื่นล้านเชียวหรือ ณ นาที เลิกหวังกันได้แล้ว ว่าก็ว่าพวกเจ้าหน้าที่ราชการ หรือคนของรัฐที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ ถ้าพบพฤติกรรมเข้าด้วยช่วยเหลือเอกชนโดยมิชอบ ภาษาโบราณบอกว่าต้องจับมาขึ้นตะแลงแกงเสียให้หมด ระวังกันไว้ให้ดีๆ บทเรียนมีให้เห็นกันมามาก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเดินให้สุดทางนอกจากไม่จ่ายค่าโง่แล้วต้องเอาผิด ผู้ที่คิดบิดเบี้ยวด้วย

   *** ยังไม่สะเด็ดน้ำเสียทีกับปัญหาแตกร้าวในพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้กรรมการบริหารพรรคใหม่ นำพี่ใหญ่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นมานำแล้ว ถึงคราววางบิลกันหรืออย่างไรไม่ทราบ ลิ่วล้อนักการเมืองเขี้ยวลากผู้อยู่เบื้องหลังยึดพรรค ออกมาขย่มไล่ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ 4 กุมาร ไม่เลิก ก็เพื่อหวังให้ตำแหน่งว่าง พรรคพวกตัวเองจะได้เสียบ แต่พวกนี้ไม่ได้ตรวจสอบความรู้ความสามารถตัวเองว่ามีแค่ไหน ไม่มีทั้ง calibre ไม่มีทั้ง charisma ก็ทำซ่าส์ท้าไปทั่ว บ้านเมืองไม่ใช่สถานที่ทดลอง โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ที่รู้กันดีว่ามันเป็นพิษที่ฝังลึกและตกต่ำไปทั่วโลก คนที่จะนำทัพต้องโปร่งใส มีวิสัยทัศน์ เรียกความเชื่อมั่นได้ทั้งชาวไทยและโลก มองเข้าไปในพรรค พปชร.ยังไม่เห็นแม้สักคนเดียว มีแต่ประเภทเข้ามาแล้วหวังใช้งบประมาณเบียดบังหลวง เลิกกันได้เสียที ประชาชนเอือมระอากันไปทั่วแล้ว

   *** เลี้ยวไปที่เรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนของกระทรวงพลังงาน ที่หมายมั่นปั้นมือหวังมาแก้เศรษฐกิจฐานราก ในยามซบเซา ซูบเซียวถึงขีดสุดจากพิษโควิด-19 ทำไปทำมาโครงการยังไม่สามารถเปิดรับซื้อไฟฟ้าหรือหเอกชน ชุมชนยื่นเสนอโครงการได้เสียที ด้วยเหตุว่าติดขัดที่แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพี ฉบับปรับปรุงใหม่ที่สภาพัฒน์พิจารณาเสร็จแล้วบรรจุวาระเข้าครม.ซึ่งต้องขอความเห็นกระทรวงที่เกี่ยวข้อง มากันครบแล้วเหลือแต่กระทรวงมหาดไทย ของเจ้ากระทรวง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เท่านั้นที่ยังไม่ส่ง เมื่อความเห็นไม่มาจึงพิจารณาไม่ได้ ไม่รู้จะเตะถ่วงไว้ทำไม ทำให้โครงการจึงยังไม่เกิดเสียที ต้องไม่ลืมว่าถ้าแผนพีดีพีผ่านครม.เสร็จ ต้องให้เรคกูเลเตอร์ประกาศให้ผู้สนใจยื่นเสนอ เมื่อเสนอเสร็จต้องใช้เวลาในการพิจารณาไปอีก 2-3 เดือน กว่าจะออกสัญญากันได้ก็โน่นปลายปี แล้วจะเริ่มต้นก่อสร้างกันได้เมื่อไหร่ สร้างแล้วกว่าจะเสร็จก็อีกหลายเดือน ความหวังขายพืชเกษตรเข้าโรงไฟฟ้าในยามยาก หวังพยุงชีวิต ก็ต้องดับลงครั้งแล้วครั้งเล่า เอาอย่างไรดี ลุงป๊อก ลุงตู่

   *** ที่ต้องคาราคาซังและลุ้นกันสุดตัวทุกวัน หนีไม่พ้นแผนฟื้นฟูการบินไทย แม้ได้ ชาญศิลป์ ตรีนุชกร อดีตซีอีโอ ปตท.ไปนั่งรักษาการดีดีการบินไทยแล้ว แต่หาความสดใสได้ยาก ด้วยเป็นองค์กรอกแตก แยกเป็นก๊ก เป็นเหล่าชัดต่างก๊กต่างทำมาหากิน แม้ถูกดูดจนตัวซีดเซียวแล้ว ยังไม่วายทำมาหากินกันไม่เลิก ตลกร้ายยิ่งกว่าใดใด เมื่อมีการใช้งบจ้างที่ปรึกษา แต่ที่ปรึกษากลับเสนอให้จ้างที่ปรึกษาเข้ามาทำแผนซะอีก กลายเป็นจ้างที่ปรึกษามาเพื่อหาที่ปรึกษามาอีกที แล้วจะจ้างให้เสียตังค์ทำไมตั้งแต่ทีแรก กรรม! ของประเทศจริงๆ