+++ “เรือดำน้ำ” กำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ทางการเมือง สำหรับ “รัฐบาลลุงตู่” เสียแล้ว
+++ เมื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณร่ายจ่ายประจำปี 2564 ทั้ง 7 คน ของพรรคไปหารือกับ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่มาจากพรรคร่วมรัฐบาล ด้วยการเสนอให้รัฐบาลให้ “กองทัพเรือ” ทบทวนการนำวาระจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ถอนออกไปจากวาระการพิจาณาของกมธ.งบประมาณฯ ชุดใหญ่ ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้
+++ มติปชป.ที่ออกมา ให้เหตุผลว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจสำคัญกว่า แต่ถ้าทาง “กองทัพเรือ” ยังยืนยันที่จะนำเรื่องการจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” เข้าสู่วาระการประชุม ทางกมธ.งบประมาณฯ ทั้ง 7 คน ของพรรคก็มีท่าทีไม่สนับสนุนให้ผ่านงบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
+++ ชัยชนะ เดชเดโช รองประธานกมธ.พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำว่า ประเทศไทยประสบปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ และภัยการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงควรนำงบประมาณส่วนนี้มาช่วยเหลือประชาชนเรื่องความเป็นอยู่ เรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ และเบื้องต้นได้แจ้งมติพรรคไปยังผู้ประสานงานของพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะที่เป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว
+++ ส่วนแนวทางของประชาธิปัตย์ที่อาจจะ “วอร์คเอ้าท์” หรือลงมติสวนทาง หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย นายชัยชนะ บอกว่า ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อน แต่ยืนยันว่าประชาธิปัตย์ตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดมั่นในสิ่งที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งประชาธิปัตย์ยึดมั่นในหลักการนี้มาตลอดว่า การพิจารณาเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ต้องยึดหลักการและเหตุผล และประโยชน์ของประชาชน หาก “ฝ่ายรัฐบาล” ยังยืนยันจะเสนอของบจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” ประชาธิปัตย์ก็คงมีคำตอบให้อยู่แล้ว แต่ต้องรอดูความชัดเจน เพราะเหตุการณ์ยังไม่มาถึง
+++ “เรื่องนี้ยังไม่เข้าข่ายจะต้องทบทวนการร่วมรัฐบาล เพราะยังไม่มีการทุจริตอะไรเกิดขึ้น แต่เรือดำน้ำก็มีความสำคัญในการปกป้องอาณาเขตของประเทศ แต่ยังไม่ใช่เวลานี้ จึงต้องชะลอไว้ก่อน” ชัยชนะ ระบุ
+++ ภายหลังมีมติดังกล่าว ทางประชาธิปัตย์ก็ได้มอบหมายให้ ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะประธานวิปพรรค ได้ประสานไปยัง จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค แจ้งให้ครม.รับทราบว่า “พรรคประชาธิปัตย์คิดอย่างนี้”
+++ เกมนี้ของ “ประชาธิปัตย์” เชื่อว่าทำเอา “บิ๊กรัฐบาล” ไม่พอใจ และจะกลายเป็นเรื่องที่ “กินแหนงแคลงใจกัน” แน่นอน