ในอดีต “ใบหยกสกาย” หรือใบหยกสอง ตึกนี้เคยครองแชมป์ตึกที่สูงที่สุดในเมืองไทย ด้วยความสูง 304 เมตร และ “ใบหยก บุฟเฟต์” ของที่นี่ขึ้นชื่อมาก ในช่วงก่อน โควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติพรึบ แต่ตอนนี้คนไทยเป็นลูกค้าหลักของที่นี่ไปแล้ว เพราะด้วยมาตรฐานอาหารระดับฝีมือเชฟโรงแรม กับราคาที่วันนี้อยู่ในหลักร้อยไม่เกินพันกว่าบาทขึ้นไปเหมือนในอดีต เราจึงไม่พลาดที่จะปักหมุดเช็คอินกันที่นี่
เราเลือกบุ๊ก บุฟเฟ่ต์อาหารจีน ณ “ภัตตาคารจีนสเตลล่า พาเลซ” ซึ่งอยู่บนชั้น 79 ของโรงแรม เพราะเขาจัดโปรโมชั่น คนละ 890 บาท จากราคาปกติขายอยู่ที่ 1,480 บาท ได้ทานทั้งบุฟเฟ่ต์ ทั้งยังได้ขึ้นไปเที่ยวหอชมวิว และรูฟท็อป ชมวิวมุมสูงกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เพราะค่าชมวิวอย่างเดียวก็ปาเข้าไปคนละ400 บาทเข้าไปแล้ว
มื้อดินเนอร์ดูจะตอบโจทย์ เพราะทานเสร็จจะได้ขึ้นชมวิว ไม่ร้อนจนเกินไป เราเลยเลือกทานช่วงเวลา 17.00-19.00 น. จากปกติที่จะมีอีกรอบให้เลือก คือเวลา 19.00-21.00 น.
มาถึงเราก็ติดต่อล็อบบี้ เพื่อยืนยันว่าได้จองบุฟเฟต์มาแล้ว รับ เวลคัม ดริ๊ง ซึ่งมีเครื่องดื่มนานาชนิดให้เลือกดื่มชื่นใจ ซึ่งไฮไลท์ คือ ชานมไข่มุก
แถมเขายังแจก สเปรย์แอลกอฮอลล์ Food Grade ขนาดพกพามาให้เรามาใช้ฟรีด้วย แต่ด้วยเรามาเร็ว ระหว่างรอเวลาห้องอาหารเปิด พนักงานก็จะนำเราขึ้นลิฟท์ขึ้นไปยังชั้น 77 เพื่อขึ้นไปยัง “หอชมวิว”
หอชมวิว ใบหยกสกาย นอกจากเราจะเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของกรุงเทพฯและปริมณฑลมุมสูง ใกล้สายตา ผ่านการส่องกล้องเทเลสโคป ที่มีกำลังขยายสูง เก็บภาพสวยงาม จากทัศนียภาพที่ประทับใจแล้ว ยังได้เรียนรู้หลากหลายเรื่องราวอันสะท้อนความเป็นไทย
ไม่ว่าจะเป็น นิทรรศการภาพถ่ายประวัติศาสตร์เรื่องราวสมัยรัตนโกสินทร์ วิดีทัศน์เรื่องราวประวัติและศิลปวัฒนธรรมของไทย คอมพิวเตอร์มัลติมีเดียพร้อมข้อมูลของสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มุมจำลองถ่ายภาพที่ระลึกในรูปแบบต่างๆ ทำเราถ่ายรูปกันเพลินไปเลย แต่ไม่ต้องกังวล เพราะถึงเวลารอบทานอาหาร พนักงานก็จะแจ้งเตือนให้เรารู้ตัวอยู่แล้ว
แล้วก็ถึงเวลาดินเนอร์ที่เราจองไว้ บุฟเฟ่ต์อาหารจีน ของที่นี่ ไม่เพียงรวมเมนูสุดยอดอาหารจีนสไตล์ฮ่องกง เมนูหลากหลายเท่านั้น แต่ยังมีรสชาติไม่ต่างกับนั่งทานโต๊ะจีนเลย
ทั้งที่นี่ยังมีกิมมิกในการให้บริการสุดเก๋ เพราะไม่ใช่แค่ตั้งไลน์บุฟเฟ่ต์ให้เราไปเลือกตักทานเหมือนบุฟเฟ่ต์ทั่วๆไปที่เราคุ้นชิน แต่ในไลน์บุฟเฟ่ต์เซฟจะทำอาหารสดใหม่แบบจานต่อจานสำหรับเมนูที่เราเลือกสั่งทาน
ขณะเดียวกันก็ยังมีบริการการเสิร์ฟในรูปแบบคาราวานบุฟเฟ่ต์ ซึ่งก็ตอบโจทย์การทานบุฟเฟ่ต์ในยุค New Normal อีกด้วยพนักงานจะเข็นรถ คาราวานบุฟเฟ่ต์ นำอาหารมาจานร้อน รวมถึงปรุงสดใหม่บนรถ บริการเราถึงโต๊ะเลย โหรู้สึกว่าเราเป็น V.I.P เลยอ่ะ ทั้งที่นี่ยังบริการ เครื่องดื่มซอฟท์ดริ้ง ชาจีน เก๊กฮวย ให้เราสั่งเติมได้ตลอดด้วย
คาราวานบุฟเฟ่ต์ สตาร์ทด้วยเมนู “ออเดิร์ฟเย็น” จัดเต็มอาหารเรียกน้ำย่อยเต็มคันรถ อย่าง ยำแมงกะพรุนน้ำมันงา ขาหมูยัดไส้ ขาหมูเย็น หูหมูแก้ว กระเพาะปลาผัดแห้ง ให้เลือกชิมกันแบบจุใจ ของชอบมาแล้วจ๊ะ “ติ่มซำนึ่ง / ซาลาเปา” นึ่งร้อนๆ จีบกุ้ง ฮะเก๋ากุ้ง
ของชอบมาแล้วจ๊ะ “ติ่มซำนึ่ง / ซาลาเปา” นึ่งร้อนๆ จีบกุ้ง ฮะเก๋ากุ้ง เคี้ยวปุ๊ปโอโห! รสสัมผัสเต็มปาก กุ้งเน้นๆ เนื้อแน่นเต็มคำ แล้วไหนจะขนมจีบปู ฮะเก๋าหูฉลาม ซาลาเปาลาวา ซาลาเปาเห็ดไส้ต่างๆอีกเพียบ พาเรดตามมาด้วย “ติ่มซำทอด”ร้อนๆ หลากหลายทั้งปอเปี๊ยะกุ้งทอด ทอดมันกุ้ง ฟองเต้าหู้ทอด ขนมปังหน้ากุ้ง สาหร่ายทอด เผือกทอด สลับสับเปลี่ยนมาให้เลือกอีกมากมาย
แนะนำว่าอย่าทานติ่มซำจนอิ่ม ให้เผื่อท้องไว้มากๆ เพราะยังมีรถคาราวาน เสิร์ฟอาหารอีกเพียบตามมาติดๆ มาแล้วจ๊ะ “เมนูบาร์บีคิวสไตล์จีน” พลาดไม่ได้เลยกับ เป็ดปักกิ่ง ที่เชฟจะแล่หนังเป็ดบางกรอบ เสิร์ฟพร้อมแผ่นแป้งร้อนๆราดด้วยน้ำจิ้มสูตรเด็ด อร่อยจนต้องขอเบิ้ล
ทั้งยังมีหมูหันฮ่องกง หมูแดง หมูกรอบ สูตรต้นตำรับที่ต้องลองชิม ไก่แช่เหล้า ซี่โครงหมูย่างอบสไปซี่ ก็เรียงรายอยู่ในคาราวานคันนี้ด้วยเช่นกัน
รอมานานมาแล้ว “ซีฟู้ด” ทั้ง ซีฟู้ดซอสหม่าล่า เผ็ดซี้ดอร่อยเน้นๆ ซีฟู้ดผัดซอสเสฉวน อร่อยฟิวชั่นสไตล์จีน ซีฟู้ดฮองเฮา เสิร์ฟร้อนๆกับน้ำซุปคล่องคอ ปูผัดข้าว ไม่ใช่ ข้าวผัดปู เพราะเนื้อปูจัดหนักมาก หรือจะกุ้งผัดข้าว กุ้งตัวโตมาแบบกลบมิด ไปจนถึง ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว
อาหารจีน ต้องมี “หม้อดิน” เปิดด้วยเมนูเส้น เพราะคนจีนเชื่อว่าทานเส้นชีวิตจะได้ยืนยาว เลยมีให้เราเลือกทั้ง บะหมี่ขาห่านอบหม้อดิน เสิร์ฟในรูปแบบหม้อดินทั้ง บะหมี่อบร้อนๆ รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ต่อด้วย เคาหยก หมูสามชั้นตุ๋นจนเปื่อยนุ่มแบบละลายในปาก
เมนูน้ำแดง ทั้ง เป๋าฮื้อน้ำแดง และ กระเพาะปลาเห็ดหอมน้ำแดง มาพร้อมอีกหลายเมนูทั้ง กุ้งและเต้าหู้ผัดพริกเกลือ เต้าหู้ซีฟู้ดเสฉวน หอยนางรมนึ่งกระเทียม, ปูผัดผงกระหรี่ อกห่านผัดหมี่กรอบ และลิ้นเป็ดต้มพะโล้
ไม่เพียงเมนูอาหารคาวเหล่านี้ ที่ถ้าชอบจานไหนเป็นพิเศษ ก็ขอซ้ำได้ตลอดเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีอาหาร Main Course ระดับพรีเมี่ยมให้เราเลือกทานกันได้คนละ 1 จานอีกด้วย ว่าจะเลือกราดหน้ากุ้งแม่น้ำย่างมันเยิ้ม สเต๊กเนื้อแบบจีน สเต๊กหมูแบบจีน สะโพกนางฟ้าราดซอสมะขาม และ สเต๊กลิ้นวัว
พร้อมซุปหูฉลามน้ำแดง คนละ 1 ถ้วย หรือจะเลือกเป็นซุปเป๋าฮื้อจักรพรรดิ ซุปเยื่อไผ่เห็ดหอม และซุปรังนก
ความที่เราชอบทานกุ้ง เลยตัดสินเลือกราดหน้ากุ้งแม่น้ำ ไม่ผิดหวังเลย ได้ราดหน้ากุ้งแม่น้ำจัมโบ้ย่างมันเยิ้มๆ ชอบมากมาย
หมดเมนูอาหารคาว ต่อกันที่ คาราวานอาหารหวาน มากันอีกหลายคันเลย ทั้งผลไม้ตามฤดูกาล ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียน ที่ไม่ธรรมดา เพราะเชฟ เล่าให้เราฟังว่า ได้คัดเฉพาะข้าวเหนียวเขี้ยวงูเม็ดเรียวสวย จากจังหวัดเชียงราย ทำให้ได้ข้าวนุ่มๆ หอมกะทิหวานมัน มูนสดใหม่ด้วยกะทิคั้นสดวันต่อวัน ทานคู่กับทุเรียนเคี่ยวกะทิจนหวานมันแบบกำลังดี หรือมะม่วงน้ำดอกไม้หวานฉ่ำ สุกแบบธรรมชาติ ราดด้วยกะทิเข้มข้น หอมหวานมันสุดๆเลย
ตามมาด้วย“ขนมหวานสไตล์จีน” อร่อยชื้นใจกับ สาคูแคนตาลูป บอลลาวา ไส้ลาวาไข่เค็มเยิ้มๆ เครปซูเซท แตงโมหิมะเย็น บัวลอยน้ำขิง เต้าฮวยน้ำขิง ทาร์ตไข่ ตบท้ายมื้อดินเนอร์ครบเครื่องคาวหวานที่ทั้งอิ่มและอร่อย ภายในเวลา 2 ชั่วโมง ภายใต้รถคาราวานกว่า 15 ขบวนได้
ปิดท้ายดินเนอร์ ด้วยการขึ้นไป จุดชมวิว ชั้น 84 รับสายลมเย็นๆ ชมทัศนียภาพกรุงเทพฯ 360 องศา ระหว่างยืนบนอยู่บนพื้นดาดฟ้าหมุนช้าๆ
แสงไฟในเมือง ประชันแสงดาวบนท้องฟ้า เติมเต็มความรู้สึกดีๆกับค่ำคืนนี้ ที่ทั้งอิ่มท้อง อิ่มใจ ราคาสุดคุ้ม ฟินๆกันไป ชาร์จพลังบวกก่อนต่อสู้กับการทำงานในเช้าวันใหม่กันต่อไป
คอลัมภ์ : ดีแต่เที่ยว (เช็คที่กิน ฟินเรื่องเที่ยว)
BY ธนวรรณ วินัยเสถียร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ว๊าวๆ “ เวโรน่า แอท ทับลาน” นึกว่ามาเที่ยว “อิตาลี” ที่แท้อยู่แค่ปราจีนบุรี
เที่ยว “สมุย” ขึ้น "เกาะมัดสุม" ไปหา หมูทะเล ( END)
เที่ยว “สมุย” ไปหา“หมูทะเล” ( Ep.1)