คอลัมน์ ชี้ช่องจากทีมทูต
โดยศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์
กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ
สถานกงสุลใหญ่ ณ นครโฮจิมินห์
- - - - - - - - - -
ท่ามกลางสถานการณ์ การแพร่ระบาดของ COVID-19 และสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ - จีน มหานครทางเศรษฐกิจของเวียดนาม อย่าง นครโฮจิมินห์ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยการพัฒนาเศรษฐกิจของนครโฮจิมินห์มีมูลค่าเป็น 1 ใน 4 ของ GDP ประเทศ มีการลงทุนกว่า 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2563 และยังมีโครงการลงทุนใหม่ที่มากที่สุดในประเทศกว่า 598 โครงการในปี 2563 จึงไม่น่าแปลกใจที่นครโฮจิมินห์จะครองตำแหน่งมหานครที่ดึงดูดการลงทุน FDI มากที่สุดในประเทศติดต่อกัน มาหลายปี
รัฐบาลเวียดนามไม่รอช้าและใช้โอกาสการขยายตัวทางเศรษฐกิจในการต่อยอดเพื่อผลักดัน เขตนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะรูปแบบใหม่ ในพื้นที่ด้านตะวันออกของนคร หรือที่รู้จักกันในนาม “Thu Duc City” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในลักษณะเดียวกับ Silicon Valley ในสหรัฐฯ รวมถึงการเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาคเช่นเดียวกับสิงคโปร์และฮ่องกง
“Thu Duc City” หรือ ““เขตเมืองใหม่” ของเวียดนาม มีการผลักดันมาตั้งแต่ปี 2560 ผ่านการทุ่มงบลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อดึงดูดนักพัฒนาอินเตอร์เน็ตและซอฟต์แวร์ มีการก่อสร้างอาคารสำนักงานของบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินราว 40 แห่ง โดย Thu Duc City และมีพื้นที่รวม 211 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 1 ล้านคน หรือ คิดเป็นร้อยละ 10 ของพื้นที่ของนครและร้อยละ 10 ของประชากรทั้งหมดในนครโฮจิมินห์ ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่าเขต Thu Duc จะสร้างมูลค่า GRDP (Gross Regional Domestic Product) กว่าร้อยละ 30 ของนคร ดังนั้น Thu Duc City จึงมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเวียดนามเป็นอย่างมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เกียวโต: เมืองแห่งบริษัท Venture (ตอนจบ)
ส่องเทรนด์เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy)ในสเปน
ส่องเทรนด์ออกกำลังกายจีน โอกาสใหม่ของธุรกิจไทย
นอกจากนี้ Thu Duc City ยังเป็นที่ตั้งโครงการและสถานที่สำคัญหลายแห่ง อาทิ
(1) โครงการ Saigon High-Tech Park (SHTP) ในเขต 9 ที่ปัจจุบันมีการลงทุนในภาค IT และเทคโนโลยีมากถึง 156 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนรวม 7.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการส่งออก 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของนครโฮจิมินห์
(2) มหาวิทยาลัยแห่งชาติเวียดนามสาขานครโฮจิมินห์ หรือ Vietnam National University (VNU) ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม และเป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาในภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่า 15,000 คน และ
(3) เมืองใหม่ Thu Thiem ในเขต 2 ซึ่งผู้บริหารนครกำลังผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการค้า การเงิน การบริการและเป็นที่อยู่อาศัยสมัยใหม่ ปัจจุบัน มีการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยจากทั้งต่างประเทศและเวียดนาม เช่น กลุ่ม Lotte จากเกาหลีใต้ และ CapitaLand Group จากสิงคโปร์ เป็นต้น
จากศักยภาพดังกล่าว รัฐบาลเวียดนามจึงตั้งเป้าที่จะยกระดับ “เขตเมืองใหม่” ให้เป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ในอนาคตพร้อมกับโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมและสะดวกสบาย พร้อมบริการองค์กรของเวียดนามและต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในเมืองไฮเทคแห่งนี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ได้มอบหมายให้กรมการวางแผนและสถาปัตยกรรมนครโฮจิมินห์ดำเนินการพัฒนาเขตเมืองใหม่ โดยมีแผนดำเนินงานระหว่างปี 2563-2568 และเมื่อแล้วเสร็จ Thu Duc City จะกลายเป็นเขตเมืองหลักทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อพลวัตการพัฒนาพื้นที่รอบข้างโดยสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิม และที่กำลังจะพัฒนาขึ้นมาใหม่ เช่น VNU ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ อุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ และศูนย์กลางทางการเงินที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
สำหรับประเทศไทยซึ่งมีการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ต้องติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการ Thu Duc City อย่างใกล้ชิด เพื่อแสวงหาโอกาสการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานการผลิตและทรัพยากรมนุษย์ระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม S-Curve ของประเทศไทย ซึ่งเวียดนามเองก็มีจุดแข็งในการพัฒนาบุคลากรด้าน IT และสามารถสนับสนุนการพัฒนา EEC ของไทยได้ ดังนั้น ในอนาคตอาจจะได้เห็นประเทศไทยและเวียดนามร่วมมือกันพัฒนา EEC และ Thu Duc City เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศแบบ win-win ในอนาคตต่อไปก็เป็นได้
พบกับอัพเดทความเคลื่อนไหวและโอกาสในตลาดต่างประเทศที่สถานทูตไทยทั่วโลกคัดสรรมาให้ภาคเอกชนไทยได้ที่เว็บไซต์ www.globthailand.com หากมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถเขียนมาคุยกันได้ที่ [email protected]