หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3630 ระหว่างวันที่ 26-28 พ.ย.2563 เข้มทุกบรรทัด แน่นทุกคอลัมน์ พบกันเช่นเคย โดย กาแฟขม
+++ เขย่าข่าวสัปดาห์นี้ยังคงมีเรื่องร้อนแรงให้น่าติดตาม ทั้งการเมืองที่ยังไม่มีทีท่าคลี่คลาย แถมวุ่นวายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสองฝ่ายเริ่มเผชิญหน้ากัน เตือนกันไว้ตรงนี้อย่าให้ถึงขั้นบาดเจ็บล้มตายอีกเลย สังคมไทยสูญเสียกันมามากแล้ว ฝ่ายประท้วงที่เรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร” ต้องประเมินตัวเองกันใหม่ เมื่อข้อเรียกร้องไปไกลเกินเหตุและเต็มไปด้วยคำหยาบคาย รุนแรง และจาบจ้วงไปในสิ่งที่มิบังควรเกินไป ทำให้ความชอบธรรมหดหาย ขาดหายแนวร่วม ซึ่งเลยธงเคลื่อนไหวสันติ อหิงสาไปแล้ว
+++ อีกฟากฝ่ายของมวลชน ก็ต้องไม่เร่งเร้าเติมเชื้อไฟให้สถานการณ์ ไม่ใช่คำก็สงคราม คำก็ชวนปะทะ คำก็เช็กบิล ปลุกเร้ามวลชนให้ออกมาชนกันอยู่ร่ำไป เสมือนว่าถ้าไม่เคลื่อนไหว ไม่สร้างชนวน จะไม่มีเรื่องให้ทำมาหากิน แน่นอนการออกมาปกป้องสถาบันหลักของชาติ เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว แต่การเคลื่อนไหว หรือการทำหน้าที่ปกป้องนั้นไม่จำเป็นต้องเคลื่อนมวลชนลงถนนแต่อย่างใด แต่รณรงค์ อภิปรายถกเถียงทำได้ในหลายช่องทาง ซึ่งการเคลื่อนมวลชนออกมานำไปสู่ความสุ่มเสี่ยงในหลายประการ
+++ ไปที่เรื่องเศรษฐกิจ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีคลังไปพูดในงาน Weallth Forum จัดโดยกรุงเทพธุรกิจและฐานเศรษฐกิจวันก่อน แนะนำการลงทุนหรือแนวโน้มใหม่ๆ แน่นอนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องการลดฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 อันนี้มาแน่ ฉะนั้นการลงทุนที่เกี่ยวเนื่องรถยนต์ไฟฟ้ามาแน่และรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้านดิจิทัล ก็หลีกหนีไม่พ้นยังไงก็ต้องมา การเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารหรือกระทั่งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาคบริการเพื่ออำนวยความสะดวก
+++ ตัวเลขทางเศรษฐกิจดีขึ้นแน่ ขอให้อดทน ปีหน้าโตได้ 4% ปีต่อไปอีก 4% สามารถปิดช่องที่ทรุดลงไปจากโควิด19 รัฐบาลเดินหน้าในการกระตุ้นเต็มที่ ฝากโครงการคนละครึ่งและช้อปดีมีคืนให้ช่วยกันใช้จ่ายกระตุ้นการบริโภค ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือก็ฟื้นตัวได้เร็ว
+++ มาได้ถูกที่ถูกเวลาและเริ่มเห็นผลจริงคนละครึ่ง คนใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง พ่อค้า แม่ขายรายเล็ก รายน้อยได้ประโยชน์ เต็มๆ จนเฝ้ารอเฟส2 กันทุกวี่ทุกวันสำหรับผู้ลงทะเบียนไม่ทัน รมต.คลังบอกเอาแน่ แต่ต้องรออาจจะเป็นต้นปีหน้าเพื่อให้มีแรงส่งต่อเนื่องในการเคลื่อนเศรษฐกิจระยะต่อไป ว่าก็ว่าที่โครงการนี้ได้ผลต้องยกความดีความชอบส่วนหนึ่งให้ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อดีตรมว.คลังที่เซตระบบอีเพย์เมนต์ไว้เป็นอย่างดี ถ้าระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ผลจริง โครงการนี้ก็ไปไม่รอด
+++ ร้อนแรงสุดๆ หนีไม่พ้นตลาดหุ้นไทย เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาทะลุ 1400 จุดไปเรียบร้อย ในรอบ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งขึ้นมาปรอทแตกถึงกว่า 17% แต่ก็ต้องระวังกัน เงินไหลเข้ามาเป็นเงินร้อน การปรับฐานอาจจะเกิดขึ้นได้ในระยะสั้นๆ ต่อไป ในมุมมองนักวิเคราะห์หลายคน นักเก็งกำไรทั้งหลายพึงระวัง แต่นักลงทุนระยะกลางยาวก็ต้องมองธุรกิจอุตสาหกรรมที่มีอนาคต อย่าหลงไปกับตัวเลขสั้นๆ
+++ ปัจจัยที่ยังต้องจับตาที่ส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย แน่นอนว่าการเปลี่ยนถ่ายอำนาจประธานาธิบดีสหรัฐจากโดนัลด์ ทรัมป์ ไปสู่ โจ ไบเดน จะราบรื่นมากน้อยเพียงใดเปราะหนึ่ง ประการต่อมาต้องดูนโยบายเร่งด่วนของ โจ ไบเดน ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง รวมทั้งมาตรการในการแก้วิกฤติโควิด ซึ่งอันนี้ไม่เฉพาะสหรัฐแต่รวมไปถึงฝั่งยุโรปที่ยอดผู้ติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นสูงมากในแต่ละวัน แน่นอนการค้า การขายจะยังคงไม่เข้าที่หรือผันผวนอยู่แบบนี้ตามสภาพการณ์ ประเทศเราที่พึ่งพาส่งออกเป็นด้านหลักย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย
+++ น่าเห็นใจพี่น้องชาวนาที่มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลมาช้า ทั้งที่ทุกคนรู้ดีว่าข้าวนาปีจะมาช่วงต้น ต.ค.ทะยอยไปเรื่อย เมื่อข้าวออกมาต้นฤดูราคาร่วงทุกปี มาตรการแก้ปัญหาต้องเสร็จตั้งแต่ ก.ย. ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ น่าจะรู้ ไม่ใช่ปล่อยให้ไหลทะลักแล้วมาแก้เอาตอนปลายมือ มันก็ยากขึ้นหลายเท่า ทั้งที่กุนซือด้านข้าวของรัฐบาล ของกระทรวงพาณิชย์ก็เยอะแยะ แต่กลับประเมินสถานการณ์พลาดผิดจนชาวนาชอกช้ำระกำใจ เอาใหม่ ทำใหม่ ทำให้เร็ว เอาใจช่วยแก้ให้ได้ตลอดทั้งเส้นทาง
+++ “มิชลิน ไกด์” ประเทศไทย เตรียมจัดงานประกาศผลรางวัลร้านอาหารที่ได้รับคัดเลือก ในคู่มือ “มิชลิน ไกด์” ฉบับกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และพังงา ประจำปี พ.ศ.2564 พร้อม 3 รางวัลใหม่ MICHELIN Guide Young Chef Award, MICHELIN Guide Service Award และ MICHELIN green star ในวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 เวลา 9.30-12.00 น. ณ โรงแรมโฟร์ ซีซั่นส์ กรุงเทพฯ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา