พระครูพินิตธรรมสุนทร(บัญญัติ มุนินฺโท) วัดคงคาสวัสดิ์ ปากพนัง นครศรีธรรมราช แต่ชาวบ้านเรียกท่านด้วยความเคารพว่า หลวงพ่อบัญญัติ แม้ปีนี้หลวงพ่อจะก้าวสู่วัย 80 ปีกว่า แต่สุขภาพยังแข็งแรงเป็นพระปฏิบัติกรรมฐานที่ได้มุ่งทางสายนี้มาตั้งแต่อายุ 21 ปี เรียนรู้สรรพวิชาต่างๆ จากพระครูประภาสภูมิสถิตย์ (พ่อท่านนุ่ม) พระอุปัชฌาย์ หลังจากที่อุปสมบทแบบโบราณคือ ทำพิธีบวชกลางน้ำ ซึ่งสมัยนี้ไม่มีแล้ว
จากนั้นเรียนรู้กรรมฐานเพิ่มจากพระอาจารย์แป้น ธัมมธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดไทรงาม ที่ไปจำพรรษาอยู่วัดชายนาในปีพ.ศ. 2505
หลวงพ่อบัญญัติตัดสินใจเดินป่าภาวนาธรรมอย่างเด็ดเดี่ยวกับสหธรรมิก คือ หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล หลวงพ่อบัญญัติ ได้ให้ธรรมะแบบง่ายๆ เข้าใจง่าย เอาไปปฏิบัติได้จริง คือ จงมีสติทุกลมหายใจ เพราะเมื่อไหร่ที่ขาดสติ ปัญหามากมายก็จะถาโถมเข้ามา อำนาจของความอยากทั้งปวงนั้นแรงมีสิ่งที่ยับยั้งได้คืออำนาจของสติ
ญาติโยมหลายคนทำมาหากินอยากสำเร็จในชีวิต อยากมีฐานะดีร่ำรวย การคิดแบบนี้ไม่ผิด การร่ำรวยไม่ใช่ความผิดไม่ใช่ความโลภ แต่ถ้ารวยเพราะขาดสติ อาทิ รวยเพราะโกงเขามา หรือ ใช้เล่ห์เพทุบาย อันนั้นต่างหากที่เรียกได้ว่า โลภ การอยากได้ของผู้อื่นเขานั่นคือความโลภ
หลวงพ่อบัญญัติย้ำในคำสอนของพระพุทธเจ้าว่า "ความจนเป็นทุกข์อย่างยิ่ง การมีหนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง"
ทั้งสองอย่างนี้จะไม่เกิดกับเราถ้าเรามีสติมากพอ รู้จักหารู้จักใช้ และรู้จักลงทุน
พระพุทธเจ้าสอนอีกด้วยว่า เมื่อมีเงินให้แบ่งเท่าๆกัน 4 ส่วน ส่วนที่หนึ่งไว้ใช้เลี้ยงดูพ่อแม่บุตรบริวาร ส่วนที่สองเอาไว้ใช้ยามเจ็บไข้ และอีกสองส่วนที่เหลือ เอาไว้ลงทุนการพาณิชย์ต่างๆ แต่ทุกอย่างต้องมีสติในการหาในการใช้ในการลงทุน
หลวงพ่อบัญบัติกล่าวว่า "มีสติก็มีสตางค์ ขาดสติก็หมดสตางค์"
มีสติในการใช้ รู้ว่าอะไรควรใช้ อะไรไม่ควรใช้ พยายามอย่าใช้แบบขาดสติไปกับความอยากมากเกินตัว ก็อยู่ได้ สมะชีวิตา แปลว่าใช้ให้สมฐานะที่ตนเองมี บางคนฐานะทางสังคมมีหน้ามีตามีชื่อ แต่เงินไม่มีแต่ก็ไปใช้เงินเพื่อให้สมแก่หน้าตาอันนี้ไม่ถูก ใช้ให้สมฐานะแก่การเงินที่เรามี ไม่ใช่ใช้ให้สมฐานะทางสังคมที่เป็น ถ้าไม่เข้าใจใช้ผิดขาดสติก็มีแต่ลำบากลง
ธรรมะอีกอย่างหนึ่งอยากฝากไว้ คือ อภัยทาน ถ้าเรารู้จักให้อภัยซึ่งกันและกัน เราจะมีแต่ความสุข สังคมมีความสุข ไม่มีการทะเลาะเอาเรื่องเอาความจะเป็นจะตาย แล้วก็ต้องมีตัวสติคอยควบคุมด้วย เดี่ยวก็อภัยทานแบบขาดสติขาดปัญญา หรือ เมตตาแบบขาดสติขาดปัญญาอีก
สติตัวเดียว ทำให้ชีวิตดีขึ้นหรือแย่ลงก็ได้หมด ท่องเอาไว้ มีสติก็มีสตางค์ขาดสติก็หมดสตางค์ นับว่าแม้หลวงพ่อวัย 80 ปีแล้วแต่ธรรมะที่ท่านมาสอนนั้นสามารถเอามาใช้ได้จริง ท่านก็สอนแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ยุคอนาล็อคมาถึงยุคดิจิตอล ธรรมะข้อนี้ก็ยังใช้ได้และเป็นจริงเสมอ
นี่เองกระมังที่พระพุทธเจ้าตรัสย้ำเสมอว่า อกาลิโก คือ ธรรมะของท่านสามารถใช้ได้ทุกยุคสมัย ธรรมะปฏิบัติตามได้ทุกยุคสมัยอย่างแท้จริง