ทำไมประชาชนจึงออกมา ไล่รัฐบาล"ประยุทธ์" (1)

29 มิ.ย. 2564 | 22:40 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ค. 2564 | 11:00 น.

ทำไมประชาชนจึงออกมา ไล่รัฐบาล"ประยุทธ์" (1) : คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3692 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค.64 โดย...ประพันธุ์ คูณมี

ผู้เขียนเคยมีความตั้งใจที่จะเขียนจดหมายด้วยตนเอง ส่งถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอแนะและให้ข้อคิดเห็น เกี่ยวกับปัญหาวิกฤติการเมืองในปัจจุบัน และเสนอทางออกจากวิกฤติการเมือง ด้วยความปารถนาดีอย่างกัลยาณมิตรคนหนึ่ง ที่มีความห่วงใยต่อประเทศชาติบ้านเมือง แต่เมื่อคิดทบทวนไปมาหลายครั้ง ทำให้ต้องเปลี่ยนความตั้งใจ ด้วยเกรงว่าข้อเสนอที่เสนอต่อท่านอย่างตรงไปตรงมา อาจทำให้ผู้เขียนถูกมองว่ามิใช่กัลยาณมิตรได้ จึงขอพูดเขียนและเสนอทางออกผ่านคอลัมต์นี้ ตามความคิดและทัศนะโดยอิสระของผู้เขียน ส่วนท่านนายกรัฐมนตรีจะรับฟังหรือไม่ ย่อมเป็นดุลยพินิจโดยอิสระของท่านเช่นกัน

ความเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ได้ออกมาเรียกร้อง ด้วยเหตุผลทางการเมืองที่แม้จะแตกต่างกัน แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ ให้ ฯพณฯ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคืนอำนาจแก่ประชาชน หรือเปิดทางให้บุคคลอื่นที่เหมาะสมเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามวิถีทางประชาธิปไตย ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2560 นั้น พอสรุปปัญหาและสาเหตุสำคัญๆ ได้ดังนี้

(1) ประชาชนและกลุ่มการเมืองต่างๆ มีความเห็นร่วมกันว่า รัฐบาลนี้เป็นผลิตผลที่มาจากการรัฐประหาร โดยคณะ คสช. เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งอยู่ในอำนาจและใช้อำนาจพิเศษจากการรัฐประหาร บริหารปกครองประเทศ และต่อมาได้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย จัดให้มีการเลือกตั้งเพื่อให้เปิดทางให้ ฯพณฯ สืบทอดอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงปัจจุบัน แม้การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในช่วงเวลาหลังการรัฐประหาร  จะมาจากการเลือกตั้งและมีกระบวนการเข้าสู่ตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถลบภาพการเป็นรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารแต่อย่างใด

ยิ่งเมื่อการอยู่ในอำนาจต่อเนื่องถึง 7 ปี และมีท่าทีที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป กระแสการต่อต้านจากประชาชนที่ไม่ยอมรับกระบวนการเข้าสู่อำนาจของ ฯพณฯ จึงเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสจะทวีความรุนแรงอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ โดยมีกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวหลากหลาย แต่มีเป้าหมายเดียวกัน คือ หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลปัจจุบันที่พวกเขาเรียกว่าเป็น "ระบอบประยุทธ์" เช่นที่เคยกล่าวหา "ระบอบทักษิณ"

(2) กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลยังเห็นว่า ฯพณฯ มิได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ตามแถลงการณ์ของการรัฐประหาร ที่จะดำเนินการปฏิรูปทางการเมือง และปฏิรูปประเทศในทุกๆ ด้าน โดยจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นประชาธิปไตย แก้ไขปัญหาการเมืองที่ล้มเหลวในอดีต พวกเขาเห็นว่าสภาพทางการเมืองปัจจุบัน ไม่แตกต่างจากสภาพเดิมๆ ในอดีต ตรงข้ามอาจมีความล้าหลังยิ่งกว่าอดีตเสียอีก และยังมีการรวบอำนาจไว้ในกลุ่มและพวกของคณะรัฐประหารเท่านั้น

โดยมีพรรคและกลุ่มการเมืองเก่าๆ ที่เคยสร้างความเสียหายกับบ้านเมืองและเคยรับใช้ "ระบอบทักษิณ" มาก่อนแล้ว กลับเข้ามาอยู่ในอำนาจใต้ร่มเงาของกลุ่มผู้มีอำนาจในปัจจุบัน การปฏิรูปทางการเมืองและการปฏิรูปประเทศ ไม่เห็นผลและมิได้ ปรากฏเป็นจริง การจัดให้มีสภาฯ เพื่อการปฏิรูปก็ดี หรือการจัดตั้งกรรมการคณะชุดต่างๆ เพื่อดำเนินการปฏิรูปก็ดี ล้วนเป็นเพียงภาพลวงตาที่หลอกลวงประชาชน

(3) รัฐบาลปัจจุบัน ยังถูกกล่าวหาว่ามิได้ดำเนินการสร้างความสามัคคีปรองดองคนในชาติ ตามที่เคยประกาศและแถลงแก่ประชาชนทั้งที่เรื่องนี้เป็นปัญหาสำคัญที่ดำรงอยู่ในสังคม และเป็นปัญหาบั่นทอนต่อพลังในการขับเคลื่อนประเทศ ไปสู่ความเจริญ มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ท่านมิได้ดำเนินการนิรโทษกรรมทางการเมืองแก่ประชาชน ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ที่ถูกดำเนินคดีอันเกิดจากการใช้สิทธิทางการเมือง ที่ไม่ใช่อาชญากรรมก่อคดีอาญาร้ายแรง หรือกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือ เป็นผู้กระทำความผิดฐานทุจริตและประพฤติมิชอบ

ตรงกันข้ามประชาชนเหล่านั้นเห็นว่า ท่านได้ปล่อยให้ปัญหาดังกล่าวดำรงอยู่ต่อไป และอาศัยปัญหาความขัดแย้ง เป็นเครื่องมือในการแบ่งแยกและปกครองประชาชน โดยที่รัฐบาลลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ท่านมิได้ทำตามสัญญา ทำให้ประชาชนที่ต้องคดีทางการเมืองเหล่านั้น เผชิญชะตากรรมโดยลำพัง ทั้งๆ ที่พวกเขาเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง ด้วยความปารถนาดีต่อบ้านเมือง และมีส่วนทำให้ คณะ คสช.ได้เข้าสู่อำนาจ

ส่วนพวกคณะรัฐประหารกลับได้รับการนิรโทษกรรมโดยถ้วนหน้าทุกกรณี การที่แกนนำและประชาชนกลุ่มต่างๆ ถูกดำเนินคดีและถูกศาลพิพากษาจำคุก โดยมิได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาล ที่เข้ามามีอำนาจได้จากดอกผลการต่อสู้ของประชาชน ที่ออกมาขับไล่รัฐบาลเก่า จึงเป็นความกดดันและแรงจูงใจอันสำคัญ ทำให้พวกเขาต้องออกมาขับไล่รัฐบาล เพื่ออนาคตใหม่และการเปลี่ยนแปลง ที่มีผลต่อชีวิตและอนาคตของตนเองและบ้านเมือง

(4) การที่ประชาชนได้ให้เวลาและโอกาสแก่รัฐบาลในการบริหารประเทศถึงปัจจุบัน โดยคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปประเทศ หรือการเปลี่ยนแปลงที่ดีในทางการเมืองด้วยความอดทน เป็นระยะเวลา 7 ปี และมีทีท่าว่าท่านจะอยู่ในอำนาจต่อไปอีกหลายปีนั้น ย่อมอยู่ในสภาวะที่ประชาชนต้องมีการทบทวน ตรวจสอบและประเมินผลการทำงานของนายกรัฐมนตรีอย่างจริงจัง เพราะรัฐบาลนี้ได้อยู่ในอำนาจเกินกำหนดเวลาที่ขอสัญญา

แม้ว่ารัฐบาลนี้ จะได้ริเริ่มและดำเนินโครงการใหม่ๆ หลายโครงการ และตั้งใจบริหารประเทศ ดูแลเอาใจใส่ประชาชนอยู่บ้าง โดยเฉพาะในสถานการณ์ช่วงวิกฤติโควิดเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อพวกเขาได้ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล, นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันแล้ว ต่างก็มีความเห็นและได้ข้อสรุปตรงกันว่า มิได้แตกต่างจากรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา และส่อไปในทางที่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล และกลุ่มอำนาจที่แวดล้อมนายกรัฐมนตรี ที่มีประวัติด่างพร้อยในทางจริยธรรม หรือเคยกระทำผิดกฎหมาย แต่ยังสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี และใช้อำนาจโดยทุจริตเพื่อตนเองและพวกพ้องในการบริหาร 

โครงการขนาดใหญ่ต่างๆ หลายโครงการ ทั้งเป็นไปในทางเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ทำให้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กขนาดย่อม และประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำ ล้วนได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม นี่คือเหตุปัจจัยหนึ่งที่สร้างความไม่พอใจแก่ประชาชน ส่งผลต่อปัญหาวิกฤติทางการเมืองในปัจจุบัน

(5) สถานการณ์จากปัญหาวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดการระบาดอย่างรุนแรงขึ้นในระลอกใหม่ ถูกมองว่าเกิดจากความผิดพลาดในการบริหารของรัฐบาลที่ปล่อยปะละเลย ทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าแรงงานจากต่างด้าวโดยผิดกฎหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน,การลักลอบเปิดบ่อนการพนันขนาดใหญ่, และ การมั่วสุมในสถานบันเทิงขนาดใหญ่ที่ผิดกฎหมาย โดยการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบางกรณีก็มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย  

โดยเฉพาะกรณีการบริหารและจัดการเกี่ยวกับวัคซีน ที่เริ่มตั้งแต่การจัดหา การจัดการ เพื่อกระจายไปสู่ประชาชน ให้ได้รับการฉีดอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ทุกกลุ่มประชาชนด้วยความเสมอภาคและเป็นไปตามความเหมาะสม เรื่องนี้ถูกถือว่ารัฐบาลล้มเหลว ได้สร้างความสับสนและความไม่พอใจแก่ประชาชนอย่างยิ่ง ที่ประชาชนเหล่านั้นเห็นว่า รัฐบาลมีความบกพร่องในการจัดการปัญหานี้ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป เกิดความวิตกกังวล สับสน ไม่มั่นใจว่าตนจะได้รับการฉีดวัคซีนตามกำหนดนัดหมายหรือไม่

ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่เคยมีปัญหาอย่างหนัก รัฐบาลประเทศเหล่านั้นได้ฉีดวัคซีนแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ซึ่งสวนทางกับประเทศไทยที่กลับมีการระบาดอย่างหนัก มีผู้ป่วยและเสียชีวิตรายวัน จำนวนมาก จนเกิดวิกฤติด้านสาธารณสุขในปัจจุบัน ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตโดยปกติสุข

ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลาง ร้านอาหารภัตตาคาร ผู้หาเช้ากินค่ำต่างประสบปัญหา ไม่สามารถประกอบกิจการได้ กิจการล้มละลายขาดรายได้ เพราะคำสั่งและมาตรการของรัฐ โดยปราศจากแผนการดูแลและเยียวยาจากรัฐบาล ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มทุกสาขาอาชีพ ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส มาตรการและการบริหารของรัฐบาลเพื่อการรับมือกับวิกฤติโควิดล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพ

ทั้งหมดคือสาเหตุและปัญหา แต่ทุกปัญหาล้วนมีทางออก ทุกวิกฤติยอมมีทางแก้ไข จะออกจากวิกฤตินี้อย่างไร ขอเสนอในตอนต่อไปครับ