ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยไม่กีดกัน ไม่ปิดกั้น หากภาคเอกชนจะนำเข้าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แต่ต้องดำเนินการตามกระบวนการตรวจสอบมาตรฐานทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 จะต้องได้รับการอนุมัติจาก อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้ได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย
ขณะที่ในส่วนของรัฐบาลนั้น ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติงบประมาณจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 35 ล้านโดส ทำให้ภาพรวมวัคซีนของไทยมี 63 ล้านโดส โดยวัคซีนของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า คาดว่า ปลายเดือน ม.ค.64 จะผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำให้คนไทยได้รับวัคซีนที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน
ส่วนวัคซีน 2 ล้านโดสที่ซื้อจากประเทศจีนนั้นจะเริ่มฉีด 2 แสนโดสในเดือน ก.พ.นี้ให้กับกลุ่มเสี่ยงที่ต้องทำงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุด เช่น บุคลากรทางการแพทย์ บุคลากรด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และประชาชนกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อมีอาการรุนแรง
สำหรับชุดทดสอบ (Rapid Test) ที่ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตนเองยังไม่เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์ และ อย.ได้แจ้งเตือนแล้ว ขอให้ประชาชนระวังการให้ผลลบปลอมจนทำให้ชะล่าใจนำเชื้อมาสู่ครอบครัว เสียเงินโดยไม่จำเป็น การตรวจที่ปลอดภัยขอให้รับการตรวจจากโรงพยาบาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สแกน “แอปโควิด” เปิดให้ดาวน์โหลดมีกี่ประเภท สรุปที่นี่
เปิดไทม์ไลน์ ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ นนทบุรี
"ชลบุรี" เผย ผู้ติดเชื้อโควิดระลอกสองโยงบ่อนพนันสูงสุด 284 ราย