วัคซีนป้องกันโควิด -19 ในประเทศไทยเริ่มมีความคืบหน้าออกมาเป็นระยะๆล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยว่า วัคซีนที่จัดหามาได้มาตรฐาน คุณภาพ และได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย.เรียบร้อย ในช่วงแรกที่วัคซีนจำกัด เป้าหมายคือการลดอัตราการป่วยและเสียชีวิต และปกป้องระบบสุขภาพประเทศ ขณะที่กลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการฉีดในอันดับต้นๆประกอบไปด้วย
1. บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทั้งภาครัฐและเอกชน
2.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง หัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง มะเร็ง เบาหวาน
3.ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป
4.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 เช่น อสม. ทหาร ตำรวจ ที่จะต้องคัดกรองผู้ที่เข้ามาจากต่างประเทศและในพื้นที่ที่มีการระบาด
ส่วนพื้นที่ของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้น จะเริ่มในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยจะฉีดคนละ 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้ได้มีการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 และที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการเตรียมความพร้อมการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย ด้านการบริหารจัดการวัคซีน การสร้างการรับรู้ การให้บริการวัคซีน การกำกับติดตามผลการดำเนินงาน และการเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ภายหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
"การประชุมในวันนี้เราได้เตรียมความพร้อมด้านต่างๆของวัคซีนโควิด-19 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต การรักษาความมั่นคงของระบบสาธารณสุขและสังคม ลดการแพร่กระจายเชื้อ ความเสี่ยงผู้สัมผัส "
นอกจากนั้นแล้ว ในที่ประชุมยังได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อกำหนดนโยบายและแนวทางการให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ของประเทศไทย
ด้านนายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้กำหนดการรณรงค์ให้บริการวัคซีน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – พฤศจิกายน 2564 โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเร่งสื่อสารประชาชน ให้มีความรู้ทั้งผลดีและข้อความระวัง และประสานโรงพยาบาลรัฐทุกสังกัดและโรงพยาบาลเอกชนร่วมให้บริการ
พร้อมกันนี้ยังได้ให้โรงพยาบาล และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่ง สำรวจกลุ่มเป้าหมายล่วงหน้า เตรียมจัดบริการรองรับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก จัดทีมบริการเคลื่อนที่ และเตรียมความพร้อมเรื่องระบบลูกโซ่ความเย็น โดยจะมีระบบการเฝ้าระวังอาการภายหลังได้รับวัคซีน และติดตามประเมินผลการให้บริการเป็นรายเขต จังหวัด อำเภอ และพื้นที่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สธ.เล็งขึ้นทะเบียนวัคซีน 14 กุมภาฯ วันวาเลนไทน์ พร้อมฉีดปลายเดือนเน้นกลุ่มเสี่ยงและผู้สูงวัย
“ปากเกร็ด”พร้อมทุ่ม 240 ล้านซื้อวัคซีนโควิดฉีด 1.9 แสนคน
สามบิ๊กอาเซียน ไทย-อินโดฯ-ฟิลิปปินส์ เตรียมฉีดวัคซีน “ซิโนแวค” ในระดับมวลชนเร็ว ๆนี้